คอนโด, บ้านจัดสรร, บ้านโครงการ,คอนโดมิเนียม,บ้านเดี่ยว, บ้านมือสอง,บ้านเช่า,ขายบ้าน, ที่ดิน, ตกแต่งบ้าน
อัพเดตล่าสุดวันที่ 23/4/2567
หน้าแรก | บ้าน คอนโด บ้านมือสอง | ประกาศ ซื้อขายบ้าน คอนโด ที่ดิน | สินเชื่อ | ตกแต่งบ้าน | เรื่องน่ารู้ | ไลฟ์สไตล์ | ลงประกาศซื้อขายฟรี
 
User Name
Password
เมนูหลัก
สมัครสมาชิก ลงประกาศ
ลืมรหัสผ่าน
ลงประกาศซื้อขาย
ค้นหาประกาศซื้อขาย
คู่มือซื้อขายบ้าน
ติดต่อสอบถาม

เปิดกลยุทธ์ฝ่าวิกฤติบ้านจัดสรรรู้ทันข้อมูล-ไม่ลงทุนเกินตัว

decorating idea design

ผู้ประกอบการบ้านจัดสรรเจอทางตัน หนีไม่พ้นพิษน้ำมันแพง ดอกเบี้ยสูง  การเมืองไม่นิ่ง แนะทางรอดต้องรู้ทันข้อมูล วิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบ ไม่ลงทุนเกินตัว ไม่วางเป้าหมายสูงเกินไป ส่วนแผนการตลาดต้องเลือกว่าจะใช้กลยุทธ์“สร้างก่อนขาย” “ขายก่อนสร้าง”หรือ“สร้างไปขายไป”
      
       ปัญหาต่างๆที่โถมเข้าใส่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างจัง และยังไม่มีท่าทีว่าจะคลี่คลายลงอย่างง่ายๆ ขณะที่ผู้ประกอบการยังต้องขยายโครงการต่อไป แต่การลงทุนโครงการใหม่แต่ละแห่งจะต้องวางแผนอย่างรัดกุมไม่เช่นนั้นมีสิทธิ์เจ๊งได้
      
       ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริการ บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ผู้เชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ  ทำให้โครงการหลายแห่งเริ่มประสบปัญหาด้านยอดขาย ไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ยังถือว่าโชคดีที่ยังมีปัจจัยบวกมาช่วยบ้าง เช่น อัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าในช่วง 1-2 เดือนนี้จะยังไม่มีการปรับขึ้นอีก และราคาวัสดุก่อสร้างไม่ได้ปรับสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค และผู้ประกอบการได้บ้าง
      
       สำหรับแนวทางการอยู่รอดนั้น จะต้องรอบรู้ประเด็นหลักๆ 6 แนวทาง ประกอบด้วย 1. ต้องรู้ข้อมูล ทันเหตุการณ์ ว่าต้อนนี้สถานการตลาดบ้านจัดสรรเป็นยังไง ใครทำอะไรบ้าง  ทำเลใดเป็นทำเลยยอดนิยมและต้องประเมินสถานการณ์ข้างหน้าให้ได้ว่า มีจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต  เช่น เดือนที่ผ่านมามีความไม่แน่นอนทางการเมือง และเกิดม็อบทางการเมือง ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อธุรกิจ ดังนั้น ควรจะประเมินสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินว่าควรจะวางแผนไปทิศทางใด 
      
       2. ไม่ควรตั้งเป้ายอดขายสูงเกินไป  มีบริษัทหลายแห่งที่ตั้งเป้ายอดขายสูงเกินไป โดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ ,สภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และปัจจัยแวดล้อมด้านอื่นๆ ซึ่งมีผลกระทบในเชิงลบต่อธุรกิจ และเมื่อไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าจะกระทบต่อแผนการลงทุน และรายได้โดยตรง ดังนั้น ก่อนจะตั้งเป้ายอดขายในแต่ละปี ควรจะคำนึงถึงสภาพแวดล้อมต่างๆอย่างละเอียด
      
       นอกจากนี้ เมื่อเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จะทำให้ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ ทำให้ขายไม่ได้ตามเป้าหรือบางโครงการอาจจะขายไม่ได้เลย จะทำให้เกิดการค้างสต็อก ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นปัญหาระยะยาวกับองค์กร เพราะจะต้องแบกรับภาระที่เกิดจากการลงทุน คือ ดอกเบี้ยจ่าย โดยในช่วงนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง ซึ่งหากยิ่งมีสต็อกมาก จะยิ่งทำให้บริษัทเสียดอกเบี้ยมากกว่าปกติ ดังนั้น จึงไม่ควรตั้งเป้ายอดขายมากเกินไป
      
       3. ไม่ควรลงทุนมากเกินไป จากการตั้งเป้ายอดขายสูงเกินไป ทำให้บริษัทต้องลงทุนมากขึ้นด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้บริษัทจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งจากการซื้อที่ดินรอการพัฒนา และการเตรียมบุคคลากรไว้รองรับการขยายตัว ซึ่งทั้งสองกรณีจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก
      
       4.การทำตลาดจะต้องตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องศึกษาถึงความต้องการของผู้บริโภคอย่างละเอียดว่าผู้บริโภคต้องการอะไร และจะต้องโฟกัสกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าจะเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มใด รวมถึงจะต้องมองให้ออกว่าแนวโน้มของตลาดจะไปในทิศทางไหน เพราะถ้ารู้ว่าผู้บริโภคต้องการสินค้าประเภทใด ระดับราคาเท่าไหร่ และรู้ถึงความเคลื่อนไหวของตลาด จะช่วยให้สามารถปิดการขายได้เร็วขึ้น     
      
       5.วิธีการขาย จะต้องพิจารณาถึงส่วนได้และส่วนเสียว่า ควรจะเลือกการทำตลาดแบบใด ระหว่างขายก่อนสร้างหรือสร้างก่อนขายซึ่งทั้งสองวิธีนี้สามารถทำได้อยู่ที่ว่าประกอบการจะเลือกวิธีไหน เช่น  ขายก่อนสร้างได้เงินเร็วแต่จะมีความเสี่ยงที่จะสร้างบ้านไม่เสร็จทันตามสัญญา ขณะที่สร้างก่อนขายเป็นการลงทุนในครั้งเดียว ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องการสร้างเสร็จไม่ทันตามความต้องการของผู้บริโภค หรืออาจจะสร้างไปขายไปก็ได้ทั้งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบริษัท ซึ่งแต่ละบริษัทจะมีพร้อมไม่เหมือนกันจนอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าของโครงการ
      
       และ 6. เดินทางสายกลาง ซึ่งสอดคล้องกับข้อ5 คือ ผู้ประกอบการสามารถที่จะเลือกวิธีการทำธุรกิจว่าจะมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกับผู้แข่งยังไง ไม่ลงทุนมากไปหรือน้อยไปหรือไม่หวังผลตอบแทนที่สูงเกินไป  ทำสิ่งที่ตัวเองถนัดแล้วจะทำให้สามารถอยู่รอดได้ในธุรกิจนี้
      
       ด้านเลิศมงคล วราเวณุชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายการเงินและพัฒนาธุรกิจ บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่ผู้ประกอบการอสังหาฯจะดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนนั้นจำเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆด้วย ซึ่งจะต้องบริหารงานให้สอดคล้องกัน ทั้งการผลิต การก่อสร้าง และการเงิน
       ด้านการตลาดนั้น จะต้องพิจารณาทั้งสภาพแวดล้อมทั้งระดับประเทศและระดับโลกที่ส่งผลกับตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะ FTA ซึ่งมีการเจราจาแบบทวิภาคี ซึ่งไทยเซ็นกับจีนไปแล้ว และกำลังจะเซ็นกับญี่ปุ่น ผลกระทบกับธุรกิจอสังหาฯ คือ เมื่อภาษีเป็น 0% จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายการลงทุน
      
        การเคลื่อนย้ายการลงทุน จะทำให้ตลาดการลงทุนใหญ่มากขึ้น รวมทั้งตลาดในภูมิภาคอาเซียนจะมี มูลค่าการซื้อขาย(Volume Trade) มากขึ้นด้วย และจะเห็นภาพของนักลงทุนจากสิงคโปร์ที่เข้ามาในรูปของรัฐวิสาหกิจและมาเลเซียที่เข้ามาในรูปของเอกชน โดยทั้งสองประเทศจะเข้ามาในรูปของผู้พัฒนาและผู้ซื้อ ซึ่งในอนาคตนักลงทุนจาก2ประเทศนี้จะเข้ามามีบทบาทในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยมากขึ้น
      
       นอกจากนี้ โครงสร้างประชากรภายในประเทศที่เปลี่ยนไป เป็นปัจจัยแวดล้อมที่ผู้ประกอบการต้องนำมาประกอบในการทำธุรกิจ คือตั้งแต่ปี 2543 พบว่าครอบครัวไทยมีขนาดเล็กลง ทำให้การดีไซน์บ้าน จำนวนห้องนอน จำนวนที่จอดรถ ขนาดห้องครัวต้องมีขนาดเล็กลงตามไปด้วย อีกทั้งอายุของประชากรยังเปลี่ยนไปด้วย โดยไทยมีประชากร 66 ล้านคน มีผู้สูงอายุ 10% หรือประมาณ 7.2 ล้านคน ซึ่งหมายความว่า การออกแบบบ้านจะต้องอิงกับคนกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งรสนิยมของผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องการบ้านที่มีขนาดเล็กและไม่ต้องการความหวือหวาในการออกแบบมากนัก

บ้านมือสอง คอนโด condo บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านเช่า ที่ดิน
วันที่ : 7 พฤษภาคม 2549
จำนวนผู้อ่าน : 10217 ครั้ง
เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ
ซื้อคอนโดมือสองก็ต้องละเอียด (ดู 10715 ครั้ง)
การจัดเก็บค่าส่วนกลางยังเป็นปัญหาเรื้อรัง (ดู 9497 ครั้ง)
ขั้นตอนจดทะเบียนนิติบุคคล (ดู 10527 ครั้ง)
ประกันภัยบ้านต้องทำอะไรบ้าง (ดู 10124 ครั้ง)
คอนโดริมน้ำกำลังเป็นที่นิยม (ดู 9793 ครั้ง)
ใครดีใครร้ายในปีมะเส็ง 56 (ดู 9904 ครั้ง)
ฮวงจุ้ย ทิศหัวเตียงหรือหัวนอน (ดู 12706 ครั้ง)
ข้อดีของการซื้อบ้านจัดสรร (ดู 11536 ครั้ง)
จะซื้อบ้านจัดสรรฟังทางนี้ (ดู 4440 ครั้ง)
เมื่อนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรถึงทางตัน (ดู 4498 ครั้ง)
บ้านไม้สไตล์พรีแฟบ (ดู 5202 ครั้ง)
เลือกบ้านสำเร็จรูปแบบไหนดี (ดู 4590 ครั้ง)
นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร (ดู 4735 ครั้ง)
รู้ทันก่อนซื้อประกันภัยบ้าน (ดู 4374 ครั้ง)
จัดตั้งนิติบุคคลฯแล้วจะเป็นอย่างไร (ดู 4070 ครั้ง)
ตรวจสอบเบื้องต้นง่ายๆ หลังแผ่นดินไหว (ดู 3789 ครั้ง)
กฏหมายว่าด้วยรั้วบ้าน (ดู 4838 ครั้ง)
ขั้นตอนจัดตั้งนิติบุคคล บ้านจัดสรร (ดู 5010 ครั้ง)
เตรียมเสนอขยายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (ดู 3860 ครั้ง)
เทรนด์ การซื้อขายบ้านมือสอง (ดู 4223 ครั้ง)
หน้าที่ของผู้ซื้อฯกับนิติบุคคลฯ (ดู 4513 ครั้ง)
สิทธิของเจ้าของห้องชุด (ดู 4412 ครั้ง)
บทบาทเจ้าของร่วมอาคารชุด (ดู 4038 ครั้ง)
ทำไมต้องจ่ายค่าส่วนกลาง (ดู 4718 ครั้ง)
ห้องไม่เรียบร้อย อย่ารับโอน (ดู 4699 ครั้ง)

Google
 
ขายบ้าน, คอนโด มือสอง, บริษัทนายหน้า, โบรกเกอร์, รับฝากขายบ้าน, ขายบ้าน, realtor, agency, บริษัท ขายบ้าน, ตัวแทน นายหน้า, รับฝากขาย, ซื้อขายบ้าน, ฝากขายบ้าน นายหน้า ขายบ้าน, บ.นายหน้า ขายบ้าน, โบรกเกอร์, ซื้อขายบ้าน, รับฝากขายบ้าน, ตัวแทนนายหน้า, โบรกเกอร์บ้าน, นายหน้าบ้าน, ตัวแทนบ้าน ขายบ้าน ตกแต่งบ้าน ฟอร์นิเจอร์ ออกแบบ บ้าน ซื้อขาย บ้าน, รับออกแบบ บ้าน, รวมแบบบ้านแบบ บ้าน, ตกแต่งภายใน บ้าน, interior design ออกแบบ บ้าน, interior รับออกแบบ บ้าน, Architecture รับออกแบบ บ้าน, ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งภายใน, Mudahouse, ตกแต่งภายใน, รับเหมา ก่อสร้างบ้าน, บริษัท ก่อสร้าง
ติดต่อลงโฆษณา : ududee@msn.com
โทรศัพท์: 08-9180-5710
Copyright ©2005-2012 Hometophit All rights reserved