ความรู้เรื่องไม้ ข้อควรคำนึงถึงหากต้องการใช้ไม้ตกแต่งบ้าน คือ บริเวณที่ต้องการตกแต่ง วิธีติดตั้ง การบำรุงรักษา และที่สำคัญ คือ งบประมาณ เพราะไม้จริงที่แข็งแรงและมีลวดลายสวยงามนั้นมีราคาแพง ชนิดของไม้ที่นิยมนำมาใช้ในงานตกแต่ง คือ 1. ไม้สัก เป็นไม้เนื้อแข็ง มีคุณสมบัติทนทานต่อการใช้งานในทุกสภาพอากาศ ที่สำคัญคือ ราไม่ขึ้นและปลวกไม่กิน นิยมใช้เป็นโครงสร้างบ้านไทย ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งตกแต่งภายในและภายนอก แต่ไม้สักเป็นรอยง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ส่วนที่ต้องเจอกับการขูดขีดต่าง ๆ
2. ไม้มะค่า เป็นไม้เนื้อแข็ง มีความแข็งแรงทนทาน มีสีออกเหลืองอ่อนและเหลืองอมชมพู อีกทั้งยังมีลวดลายสวยงาม เหมาะสำหรับทำพื้น ฝ้าเพดาน วงกบประตูหน้าต่าง และเฟอร์นิเจอร์
3. ไม้แดง เป็นไม้เนื้อแข็ง มีความแข็งแรงมาก เนื้อไม้มีสีแดงและจะแดงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถูกทิ้งไว้นาน นิยมใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ ส่วนโครงสร้าง ไปจนถึงบัวและคิ้วที่ที่ต้องการโชว์ความงามของไม้ แต่ไม่นิยมใช้ทำวงกบและบานประตู เพราะไม้ชนิดนี้หด และขยายตัวง่ายจะทำให้วงกบโก่งเสียรูป
4. ไม้ตะแบก เป็นไม้เนื้อปานกลาง มีลวดลายคล้ายไม้สัก จึงนิยมใช้มาทำเฟอร์นิเจอร์
5. ไม้เต็ง เป็นไม้เนื้อแข็ง มีหลายชนิด ซึ่งจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไม่มากนักตามแหล่งจากที่มาจากประเทศต่าง ๆ มีราคาไม่แพง นิยมใช้กับเฟอร์นิเจอร์และงานตกแต่งที่ต้องโชว์เนื้อไม้ เช่น บัว คิ้ว คาน แต่ไม่นิยมทำวงกบและบานประตู เพราะเป็นไม้ที่หด และขยายตัวได้ง่าย
การดูแลรักษาพื้นไม้ให้สวยอยู่กับเราได้นานเท่านาน
หากมีน้ำหก ต้องรีบเช็ดให้แห้ง และหมั่นทำความสะอาด โดยใช้ผ้านุ่มชุบน้ำเปียกพอหมาด หรือใช้ผ้าชุบน้ำยาชนิดอ่อนเช็ดถูพื้นเป็นประจำ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้น ควรให้พื้นไม้รับการถ่ายเทอากาศอยู่เสมอ โดยการเปิดประตูและหน้าต่าง เพื่อปรับการเปลี่ยนอุณหภูมิ ช่วยป้องกันการยืดหดตัวของไม้ได้ดี การเลือกใช้ไม้ให้อยู่ทน,อยู่นาน ไม้จริงเป็นวัสดุที่ใช้ในงานโครงสร้าง และงานตกแต่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศมาตั้งอตีดจนถึงปัจจุบัน เพราะไม้จริงทำให้คนได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น เทคโนโลยีในการทำไม้จริงได้คุณภาพและมีอายุการใช้งานได้ ยาวนาน ก็มีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่องมาตลอดมา ซึ่งเทคนิคสำคัญที่สุดในการใช้ในการยืดอายุการใช้งาน และ เพิ่มประสิทธิภาพของไม้ได้ดี คือ "การอบไม้ให้ได้ระดับความชื้นที่ได้มาตรฐาน " เพราะการอบไม้เป็นการควบคุมระดับความชื้นในไม้แต่ละชนิดให้ได้ความสมดุลย์ และเหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท และนอกจากนี้ การอบไม้มีผลทำให้มีคุณสมบัติดีขึ้นดังนี้ 1. การบิด หด และการขยายตัวของไม้ลดลง 2. การโก่ง งอ ของไม้ลดลง 3. ลดปัญหาการถูกทำลายเอยไม้ดดยปลวก มอด และแมลงต่าง ๆ 4. มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น นอกจากการอบไม้ แล้วยังมีเทคนิคอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มความทนทานในการใช้งานของไม้ ได้แก่ เทคนิคการทำสีรอบชิ้นไม้เพื่อรักษาสมดุลย์ความชื้นในไม้,การใช้กาวกันความชื้นในกระบวนการผลิต เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับการใช้ไม้ที่ผ่านการอบและกระบวนการป้องกันความชื้นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอบรับกับกระแสความนิยมเรื่องรักธรรมชาติ บริษัทผู้ประกอบการ ผู้ผลิต และจำหน่ายสินไม้ต่าง ๆ ต้องปรับตัว และปรับปรุงมาตรฐานในการผลิตไม้โดยให้ความสำคัญกับการอบไม้มากขึ้น เพื่อให้เราทุกคนได้มีไม้จริงที่มีคุณภาพ และใช้งานได้ยาวนาน ดังนั้นในการเลือกใช้ไม้สำหรับงานออกแบบ และตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นไม้พื้น,ไม้บันได,ประตู ฯลฯ จึงควรเลือกใช้ไม้ที่ผ่านกระบวนการผลิตที่เน้นการควบคุมความชื้นให้ได้มาตรฐาน จะทำให้ได้ไม้ที่อยู่นาน อ้างอิงจากหนังสือ Home & Decor และหนังสือ Room
|