วงจุ้ย คืออะไร "ฮวง" แปลว่า ลม หรือ ฟ้า "จุ้ย" แปลว่า น้ำ หรือดิน ฉะนั้นฮวงจุ้ย หมายถึงความสมดุลย์แห่งธรรมชาติ ที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมชีวิตมนุษย์เรา ฮวงจุ้ยแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบที่ 1 ฮวงจุ้ยคนเป็น คือ สิ่งที่มีชีวิต ก็คือที่อยู่อาศัย เรียกว่า ฮวงจุ้ยพลังหยาง พลังที่เคลื่อนไหว เช่น บ้าน สำนักงาน โรงงาน เป็นต้น แบบที่ 2 ฮวงจุ้ยคนตาย คือ หลุมฝังศพ เรียกว่า ฮวงจุ้ยพลังหยิน พลังที่อยู่นิ่ง ฮวงจุ้ย เป็นพลังธรรมชาติ มีการศึกษาและค้นคว้ามาเป็นเวลานาน จากตำราต่าง ๆ หลายเล่ม ได้ข้อสรุปดังนี้ หลักพื้นฐานของฮวงจุ้ย คือ: 1. เพื่อสงวนพลัง "ชี่" ที่เป็นประโยชน์รักษาเอาไว้ 2. นำ "ชี" จากภายนอกมาสู่ภายในบ้านอาศัย เพื่อเสริมพลังให้กับชะตาชีวิต 3. แผนภูมิพลังชี่ของบ้านอยู่อาศัย เพื่อการจายพลัง "ชี" อย่างสมดุลย์และกลมกลืน ซึ่งจะให้ผู้อยู่อาศัยเกิดสุข และเพื่อส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ ให้กลมกลืนระหว่าง ผู้อยู่อาศัยร่วมกัน และยังทำให้เกิดสุขภาพที่ดีต่อผู้อยู่อาศัยด้วย ศาสตร์แห่งวิชาฮวงจุ้ยได้ถูกสืบทอดกันมานับพัน ๆ ปี เป็นศาสตร์ที่พูดถึงเรื่องชัยภูมิที่ตั้งที่มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เป็นเรื่องของปฎิกิริยาทางธรรมชาติที่ก่อเกิดสรรพสิ่งบนโลกนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาล พลังของกระแสแม่เหล็กโลก ที่มีอิทธิพลต่อโลก หรือที่ชาวจีนให้คำจำกัดความของฮวงจุ้ยว่า เป็นศาสตร์ที่พูดถึงฟ้า กับ น้ำ หลักพื้นฐานของฮวงจุ้ยจะให้ความสำคัญในเรื่องของความสมดุลเป็นหลักใหญ่ โดยมีความเชื่อว่า สิ่งที่ก่อกำเนิดขึ้นมา และสามารถดำรงอยู่ได้นั้น จะต้องอยู่ในสภาพหรือภาวะที่สมดุล เช่น อากาศที่หนาวจัดหรือร้อนจัด สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอยู่ได้ แต่ถ้าความหนาวกับความร้อนมาเจอกันกลายเป็นความอบอุ่น ชีวิตจึงก่อเกิด สิ่งที่ตรงกันข้ามกันหรือแตกต่างกันและมีกำลังพอ ๆ กัน จะสนับสนุนซึ่งกันและกันเป็นสัจธรรม ที่แม้แต่ทางพุทธศาสนายังให้ยึดหลักทางสายกลางในการดำเนินชีวิต ไม่ทำอะไรที่มาก หรือน้อยเกินไป ชีวิตจึงจะสงบสุข การเลือกตำแหน่งที่ตั้งในการดำรงอยู่ของมนุษย์ จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญที่ถูกวิวัฒนาการ มาตั้งแต่สมัยยุคหินมาจนถึงปัจจุบันนี้ มนุษย์รู้จักเลือกที่จะอยู่ใกล้น้ำ หรืออยู่ที่สูงมากกว่าอยู่ที่ต่ำ เพื่อที่จะได้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้รอบตัว เรียนรู้เรื่องทิศทางลม กระแสลม ฤดูกาล ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น น้ำขึ้น - น้ำลง ฝนตก พายุ แผ่นดินไหว มนุษย์ได้เดินทาง แสวงหาจนหาข้อสรุปได้ว่า ที่ใดเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด เพื่อที่จะตั้งถิ่นฐานที่ถาวร โดยไม่ต้องอพยพไปไหนอีกต่อไป วิวัฒนาการในการเลือกตำแหน่ง ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป จนได้มีการรวบรวม และเก็บข้อมูล เป็นสถิติสืบต่อกันมา จนบัญญัติขึ้นมาเป็นตำรา และที่ได้รับการเผยแพร่ จนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง กลายเป็น ศาสตร์ อย่างหนึ่งในเวลาต่อมา เพราะฉะนั้น วิชาฮวงจุ้ย จึงไม่ใช่ศาสตร์ที่เร้นลับ งมงาย ไร้สาระแต่เป็นศาสตร์ที่มีเหตุผล เป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติที่ มนุษย์สามารถสัมผัส และทำความเข้าใจได้ด้วยตัวเอง ต่อไปนี้จะกล่าวถึงสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจเป็นพื้นฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย ว่ามีอะไรบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการทำไปพิจารณาเลือกซื้อบ้านและที่ดิน หยินหยางความสมดุลแห่งจักรวาล วิชาฮวงจุ้ยเน้นสภาพความสมดุลของธรรมชาติ ที่ก่อเกิดสรรพสิ่งเป็นหัวใจหรือพื้นฐาน ที่จะต้องทำความเจ้าใจเป็นอันดับแรก "หยิน" และ "หยาง" ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อใช้แทนความหมายของสภาพนิ่งกับเคลื่อนไหว ที่สองสิ่งนี้จะต้องอยู่ร่วมกันจึงก่อกำเนิดชีวิตที่สมบูรณ์ โลกเราอยู่ได้ ต้องมีทั้งพื้นดินและพื้นน้ำ ดินก็คือ "หยิน" น้ำก็คือ "หยาง" นั่งเอง ธรรมชาติของดินต้องนิ่ง แน่น มั่นคง วันใดถ้าดินเคลื่อนไหวย่อมนำความพินาศ เพราะผิดธรรมชาติ ดินกลายสภาพเป็นหยินทำให้ขาดสมดุล หรือธรรมชาติของน้ำต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา วันใดถ้าน้ำอยู่ในสภาพที่นิ่ง ชีวิตก็อยู่ไม่ได้ ดังสุภาษิตโบราณที่ว่า "น้ำนิ่ง ปลาตาย" เพราะน้ำกลายเป็นหยิน สภาพความเป็นหยินอย่างเดียว หรือหยางอย่างเดียวไม่สามารถอยู่ได้ นี่คือความเป็นจริงที่ต้องทำความเข้าใจเป็นพื้นฐานของวิชานี้ สรรพสิ่งบนโลกจะต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันเป็นวัฏจักรที่หมุนเวียนกันไป เป็นระบบนิเวศที่มีผลกระทบกันเป็นลูกโซ่ ปัจจุบันมนุษย์ได้มีการทำลายสภาพแวดล้อมของระบบนิเวศลงไปอย่างน่ากลัว ทำให้โลกขาดความสมดุล ธรรมชาติจึงแปรปรวนเกิดอาเพศนับครั้งไม่ถ้วน การตัดไม้ทำลายป่าเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนถึงการทำลายภาวะของความเป็นหยินและหยาง ต้นไม้ให้ความชุ่มชื้นความเย็น เพื่อสู้กับแสงอาทิตย์ที่แผดกล้า ทำให้อณุภูมิบนโลกอยู่ในสภาพที่สมดุล เมื่อต้นไม้ถูกทำลาย ความแห้งแล้งก็เกิดขึ้น จนกลายเป็นทะแลทรายส่งผลให้อณุภูมิบนโลกสูงขึ้น ยิ่งทำลายป่าไม้มากเท่าใดโลกก็จะร้อนขึ้นมากเท่านั้นฤดูกาลก็เปลี่ยนแปลง ไม่เป็นไปตามธรรมชาติอากาศแปรปรวน ก่อให้เกิดภัยร้ายแรงทางธรรมชาติ อย่างเช่นน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือละลาย เกิดน้ำท่วม อุทกภัย กระทบกันเป็นลูกโซ่ถึงสิ่งที่มีชีวิตอยู่บนโลก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าที่สูญพันธุ์ไปอย่างรวดเร็ว มนุษย์ที่ต้องเผชิญกับมลภาวะของอากาศเป็นพิษ โรคภัยไข้เจ็บ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นผลมาจากสภาพที่ไม่สมดุลทั้งสิ้น ปัจจุบันโลกเต็มไปด้วยหยาง มีแต่ความวุ่นวาย หาที่สงบนิ่งแทบไม่ได้ เมืองใหญ่ ๆ ของโลกไม่ว่าจะเป็นที่ใดล้วนเต็มไปด้วยผู้คน การสัญจรไปมาบนท้องถนนที่แน่นขนัด แทบจะหาที่ว่างหรือที่เงียบสงบได้ยากเต็มที สวนสาธารณะที่ถือเป็นปอดของเมืองใหญ่ ก็มีอยู่น้อยนิดเมื่อเทียบสัดส่วนของพื้นที่ อิทธิพลของดวงดาว ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยให้ความสำคัญกับอิทธิพลของดวงดาวอย่างมาก เพราะถือว่าโลกเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุริยะจักรวาล ที่มีดวงอาทิตย์เป็นประธานพร้อมดาวดวงอื่น ๆ อีก ๘ ดวง โคจรอยู่โดยรอบ ซึ่งถือเสมือนเป็นบริวารที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน จึงมีผลกระทบถึงกันได้ กระแสแม่เหล็กหรือพลังที่ก่อให้เกิดแรงดึงดูดซึ่งกันและกันตามหลักดาราศาสตร์ ดวงดาวทุกดวงในระบบสุริยะจักรวาล ที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง จะมีกระแสของพลังแม่เหล็กดึงดูดซึ่งกันและกัน การเดินทางของดวงดาวแต่ละดวงก็คือการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ที่มีระยะเวลาหมุนรอบที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้หรือไกลเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นอิทธิพลของดวงดาวจึงมีผลต่อโลก ชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลก จึงต้องได้รับผลการะทบจาก อิทธิพลของดวงดาวไปด้วย โหราศาสตร์ของไทยก็ให้ความสำคัญเกี่ยวกับ อิทธิพลของดวงดาวในการพยากรณ์ด้วยเช่นกัน วิถีชีวิตของคนเราบางครั้ง จึงถูกกำหนดด้วยการโคจรของดวงดาว ดวงจะดีหรือไม่ดีก็จะต้องพิจารณาจากดาวที่จรเข้ามาในเวลานั้นจากการที่เราได้เคยได้ยินได้ฟังว่า ดวงชะตาของแต่ละคน ได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะเดินไปอย่างไร ก็เป็นผลมาจากการคำนวณการเดินของดวงดาวนั่นเอง เพราะการเดินของดวงดาวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังเช่น โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ ๑ รอบ เรียกว่า ๑ ปี โหราศาสตร์ บางครั้งจึงถูกว่าด้วยวิชาที่ว่าด้วยเรื่องของสถิติและการคำนวณ วงการวิทยาศาสตร์เอง ก็พยายามที่จะพิสูจน์ ศาสตร์แห่งการทำนายนี้อย่างมีเหตุผล โดยยึดหลักของดาราศาสตร์เรื่องของจักรวาลและการเดินทางของดวงดาว เช่น เชื่อกันว่าดาวหางฮัลเลย์วิ่งมาใกล้โลกเมื่อใด จะส่งผลกระทบกับโลก ก่อให้เกิดภัยพิบัติแก่ชาวโลกการที่มีคนเชื่อเช่นนั้น แสดงว่าได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงในอดีตซ้ำแล้วซ้ำเล่า และได้มีการเล่าสู่กันฟัง จนกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่บันทึกเอาไว้สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน จนสามารถที่จะทำมาเป็นบรรทัดฐานที่เชื่อถือได้ว่า เมื่อเกิดสิ่งนี้ จะมีผลออกมาอย่างไรเพราะฉะนั้น ดวงดาวจึงมีอิทธิพลต่อชีวิตของผู้ที่อาศัยอยู่บนโลกอย่างแน่นอนเพียงแต่ว่าจะมากหรือน้อยเท่านั้น ซึ่งหลังของฮวงจุ้ยจึงไม่อาจละเลยเรื่องนี้ได้ ๕ ธาตุ ๘ ทิศ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวิชาฮวงจุ้ยที่ต้องทำความเข้าใจก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับธาตุและทิศ เพราะทั้งสองสิ่งนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำหนดชัยภูมิที่ตั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับบุคคลแต่ละคน ที่บางที่ไม่เหมาะกับคนบางคน แต่จะเหมาะกับอีกหลายคน เพราะฉะนั้นจึงต้องทำความเข้าใจเรื่องธาตุกับทิศเสียก่อน เพื่อที่จะได้เลือกที่ตั้งของตำแหน่งบ้านได้อย่างเหมาะสม
|