ตู้เสื้อผ้าเป็นพื้นที่เก็บของหลักที่เรายอมให้มีการวางข้าวของจะระเกะระกะแค่ไหนก็ได้ไม่เป็นไร เพราะตู้เสื้อผ้ามีบานประตูกั้นสายตาคนอื่น ๆ จนทำให้ตู้เสื้อผ้าของเราเป็นแหล่งสะสมความรกรุงรัง เป็นแหล่งสะสมขยะแทนที่เป็นพื้นที่เก็บของที่ใช้ประโยชน์ได้จริง ส่วนมากแล้วตู้เสื้อผ้าของเรามักจะอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าที่แขวนค้างรอเจ้าของว่าเมื่อไหร่จะหยิบไปสวมใส่เสียที ในทางกลับกัน เมื่อเราเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วไม่รู้ว่ามีอะไรที่ใส่ได้บ้าง หรือการมีเสื้อผ้ามากมายแต่เรากลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะใส่ นั่นอาจเป็นเพราะเสื้อผ้าที่อัดแน่นอยู่ในตู้มากมายจนมองไม่เห็นว่าเรามีอะไรบ้างก็ได้ ที่ถูกต้องแล้วตู้เสื้อผ้าควรจะแขวนจำนวนเสื้อผ้าให้พอดี ๆ สามารถมองเห็นเสื้อผ้าแต่ละชุดได้ถนัดตา และเก็บไว้แต่เสื้อผ้าข้าวของที่ใช้การได้ไม่เก็บเก็บหรือเชยระเบิด ก่อนลงมือจัดระเบียบตู้เสื้อผ้าต้องถามตัวเองให้แน่ใจว่าเรามีเวลาว่างอย่างน้อยครึ่งวัน โดยไม่ต้อง รีบร้อนไปทำงานหรืออะไรอื่น ๆ อีก ในการขุดคุ้ยแยกประเภทและลองสวมเสื้อผ้าทั้งหมดในตู้ของเรา เวลาที่ใช้นั้นแต่ละคนย่อมไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับขนาดและสภาพของตู้เสื้อผ้าของแต่ละคน ลองนึกดูว่านานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้สำรวจความเป็นไปในตู้ และมันอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงมากแค่ไหน อุปกรณ์ที่ช่วยเราในกิจกรรมนี้ประกอบด้วย กระจกเงาบานใหญ่ เอาไว้ส่องเวลาลองเสื้อผ้าก่อนตัดสินใจว่าเสื้อชุดนั้นควรอยู่หรือไป กล้องถ่ายภาพดิจิตอล เผื่อกรณีที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าชุดไหนกันแน่ที่เหมาะกับเรา การถ่ายภาพไว้จะช่วยให้เปรียบเทียบดูความเหมาะสมได้ง่ายขึ้น กล่องกระดาษใบโต ๆ สำหรับใส่และขนย้ายเสื้อผ้าที่เราไม่ใช้แล้ว ไม้แขวนเสื้อและราวแขวน สำหรับแขวนเสื้อผ้าที่เอาออกจากตู้ ขั้นที่ 1 เริ่มปฏิบัติการกันเลย วิธีที่ดีที่สุด คือ เราขนเสื้อผ้าที่มีอยู่ทั้งหมดออกจากตู้เสื้อผ้า เอามาแขวนไว้บนราวที่เตรียมไว้ แต่ถ้าไม่มีก็สามารถวางไว้บนเตียงนอนหรือบนพื้นห้องก็ได้ จากนั้นลองเสื้อผ้าทุกชิ้นที่มีอยู่ทุกชิ้น ทีละตัว แล้วแยกเป็น 3 พวก คือ จำพวกที่ใช้การได้ จำพวกที่ไม่ใช้แล้ว และจำพวกที่เรายังไม่แน่ใจ ส่วนที่ใช้การได้ใส่พอดีและพร้อม 100 % ที่จะนำออกไปอวดสายตาคนอื่นให้เก็บเข้าที่ให้เป็นระเบียบและสามารถหยิบใช้ง่าย ส่วนเสื้อผ้าตัวไหนลองแล้วไม่เข้าที ให้ตัดใจโยนลงกล่องหนึ่งสำหรับเลหลังขายมือสองหรือบริจาค ปฏิบัติการในขั้นนี้เราต้องปลดปล่อยตัวเองจากความรักพี่เสียดายน้องเสียก่อน การทิ้งไม่ลงเพราะความผูกพันกับเสื้อเก่าทั้งหลายที่ไม่ได้ใส่ แยกกลุ่มต้องสงสัย ไม่แน่ใจ อย่านำข้าวของเสื้อผ้าในกลุ่มนี้กลับเข้าไปในตู้เสื้อผ้าอีก เราอาจเก็บใส่กล่องเพื่อจะเก็บไว้หรือบริจาค เช่น เซ็กซี่เกินไป สั้นไป คับไป ให้แยกเอาไว้อีกกล่องเพื่อตัดสินใจอีกครั้ง ส่วนเสื้อผ้าที่ต้องแก้ไข ดังแปลงให้นำไปใส่กล่องอีกใบ ส่วนเสื้อผ้าคุณภาพสูงที่เราใส่ไม่ได้ตอนนี้ แต่เรามั่นใจว่ามันจะต้องพอดีตัวเราในอนาคต หลังจากรดน้ำหนักไปซัก 2 3 กิโล ให้เอาไปแขวนบนราวพิเศษโดยทำป้ายติดไว้เตือนความทรงจำ เช่น ชุดผอม อย่าลืมลงวันที่ไว้ด้วย ขั้นที่ 2 เมื่อเลือกเสื้อผ้าที่เราจะเก็บไว้แล้ว ก็ถึงคราวจัดระเบียบตู้เสื้อผ้าใหม่ของเราแล้ว วิธีจัดเก็บที่จะทำให้เราหาเสื้อผ้าได้ง่ายมากขึ้น คือ การเรียงเสื้อผ้าตามชนิดของเสื้อผ้า วิธีการนี้จะทำให้กระโปรง กางเกง เสื้อ ฯลฯ จะอยู่รวมกันเป็นหมวดหมู่ แล้วแยกตามด้วยสีสัน โดยเรียงจากสีพื้น ๆ ที่เข้ากับเสื้อผ้าได้หลาย ๆ สีไปอย่าง สีดำ ครีม ขาว ไปจนถึงสีสดใสทั้งหลาย เสื้อในหมวดเดียวกันเช่นสีดำก็อาจแบ่งอีกครั้งตามรูปทรง เช่น เสื้อคอวี เสื้อคอกลม เสื้อคอเต่า เป็นต้น ไม้แขวนเสื้อควรเลือกไม้แขวนที่แข็งแรงทนทานมีคุณภาพดี เพราะไม้แขวนที่อ่อนยวบไม่แข็ง อาจทำให้เราต้องรีดเสื้อผ้าซ้ำอีกครั้งเมื่อจะนำมาสวมใส่ นอกจากนี้เราควรจะมีไม้แขวนที่ใช้แขวนกระโปรงหรือกางเกงโดยเฉพาะอีกด้วย อย่าแขวนเสื้อผ้าซ้อนกัน เพราะจะทำให้เสื้อผ้ายับและหายากด้วย ควรแขวนให้ห่างกันอย่างน้อย 1 นิ้ว เพื่อให้มีช่องว่างพอประมาณ ไม่เบียดแน่นจนเกินไป การจัดราวแขวนเสื้อผ้าในตู้นั้น ราวบนให้แขวนเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อผ้าน้ำหนักเบา ๆ รวมทั้งเสื้อผ้าที่ใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ส่วนราวด้านล่างก็จะแขวนกางเกงขายาว , กระโปรงโดยเริ่มจากกระโปรงสำหรับวันลำลอง กระโปรงทำงาน จนถึงกระโปรงที่เป็นทางการมาก ๆ ส่วนพวกเสื้อคลุมแจ็กเก็ตและเดรสต่าง ๆ ก็เก็บแยกประเภทกันโดยเรียงจากที่ใส่ทำงานในตอนกลางวัน ชุดที่สามารถใส่ออกงานกลางคืนได้ สุดท้ายเป็นชุดค็อกเทลและอีฟนิ่งเดรส พวกชั้นในและถุงเท้าจะเป็นภารกิจต่อไปของเรา คือ การจัดลิ้นชัก เริ่มจากกำจัดชั้นในเก่าคร่ำคร่า ถุงเท้าที่เหลืออยู่ข้างเดียวออกไปให้หมด แล้วเริ่มเขียนรายการของที่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม ส่วนเครื่องประดับให้นำมาจัดวางเรียงให้เห็นได้ชัดเจนในกล่องใส่เครื่องประดับขนาดใหญ่ หรือกล่องพลาสติกใสแบ่งเป็นช่อง ๆ เข็มขัดก็ควรแขวนไว้รวมกันหรือเก็บใส่กล่องพลาสติกใส ๆ เท่านี้ก็เสร็จภารกิจเก็บของเข้าตู้ของเราแล้ว ขั้นที่ 3 ขั้นสุดท้าย คือ การกำจัดเสื้อผ้าที่เราไม่ต้องการ เมื่อจัดตู้เสร็จแล้วเราอาจตกใจกับความมากมายของเสื้อผ้าที่เราไม่ต้องการ ทางเลือกสำหรับเสื้อผ้ากองนี้เราอาจนำไปขายเป็นเสื้อผ้ามือสอง ตามตลาดนัดเปิดท้ายขายของก็ได้ หรือจะจัดปาร์ตี้ชักชวนเพื่อน ๆ มาแลกเปลี่ยนเสื้อผ้ามือสอง ไม่แน่ว่าเสื้อที่ไม่เหมาะกับเราอาจเป็นตัวเดียวกับเสื้อในฝันของเพื่อนก็ได้ หรือมองหามูลนิธิหรือวัดต่าง ๆ ที่รับบริจาคเสื้อผ้าส่งต่อให้คนที่ต้องการต่อไป แนวคิดในการจัดระเบียบตู้เสื้อผ้านี้อาจฟังแล้วเหมือนทรมาน แต่ลองคิดว่ามันเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ฝึกปรือไหวนพริบในเรื่องสไตล์เสื้อผ้าให้เฉียบคมยิ่งขึ้น เพราะขณะเลือกเสื้อผ้าหลากหลายและหยิบมันมาลองสวมเราก็ครุ่นคิดไปด้วยว่าชุดนั้นทำให้เราดูอ้วนไป ผอมไป เหมาะกับเราหรือไม่ แถมอาจโชคดีปฏิบัติการนี้อาจช่วยให้เผาผลาญไขมันไปได้สักสองสามขีดอีกต่างหาก |