หลังจากเรือนหอรอรักสร้างเสร็จ เราทั้งสองคนก็ได้โอกาสย้ายเข้าไปจู๋จี๋ดู๋ดี๋ในบ้านใหม่เอี่ยมอ่องของทั้งสองสักที ทุกอย่างตกแต่งสมบูรณ์แบบแล้วจริงๆ ขาดอยู่อย่างเดียวคือ ชุดเครื่องนอนใหม่ที่จะนำมาตั้งไว้ในห้องนอนสีชมพูแสนหวานแหวว แล้วอย่างนี้จะช้าอยู่ได้ไง คุณน้องจึงตัดสินใจเดินดุ่มเข้าไปในโฮมเฟอร์นิเจอร์คนเดียวในบ่ายแก่มากๆของวันหนึ่ง เพียงเพื่อจะให้เครื่องนอนชุดใหม่ที่จะนำมาตั้งไว้ในห้องนอนสีชมพูแสนหวานแหวว แล้วอย่างนี้จะช้าอยู่ได้ยังไง คุณน้องจึงตัดสินใจเดินดุ่มเข้าไปในโฮมเฟอร์นิเจอร์คนเดียวในบ่ายแก่มากๆของวันหนึ่ง เพียงเพื่อจะให้เครื่องนอนชุดใหม่มาประดับไว้อยู่ในห้องนอนอย่างที่คุณพี่ไม่ทันจะคาดคิด แต่แล้วคุณน้องก็จะต้องผิดหวังและกลับมาครุ่นคิดอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจกึ่งลากกึ่งจูงคุณพี่ไปเลือกที่นอนด้วย แบบไม่ต้องมีเซอร์พ้งเซอร์ไพร้ส์อะไรอีกต่อไป เพราะการไปเลือกที่นอนด้วยกันนั้นจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องสรีระที่แตกต่างของทั้งสองฝ่ายในการใช้ที่นอนร่วมกันได้อย่างดี ที่นอนยอดนิยมสำหรับคู่แต่งงาน ที่นอนมีให้เลือก 3 ขนาดคือ King Size (6ฟุต) Queen Size (5 ฟุต) และ Sing Size (3ฟุต) ขนาดสำหรับคู่แต่งงานคือ King Size (6ฟุต) และ Queen Size (5 ฟุต) อายุการใช้งานน่าจะอยู่ที่ 10-15 ปี ลักษณะของที่นอนจะมีหลักๆอยู่ 3 แบบ คือ นุ่ม นุ่มแน่น และแน่น แต่ละแบบจะเหมาะกับสรีระของคนไม่เหมือนกัน ทว่าคู่แต่งงานส่วนมากจะเลือกเป็นแบบนุ่มแน่นมากกว่า คือเป็นสเป๊คปานกลางที่สามารถนอนได้ท้งสองคน ทั้งนี้ที่นอนอาจแบ่งแยกตามวัสดุที่ผลิตด้วย หากเป็นที่นอนฟองน้ำ ใยมะพร้าว หรือนุ่น ค้นทุนการผลิตจะต่ำ อายุการใช้งานจะอยู่ที่ 9-12 ปีเท่านั้น ถ้าเป็นที่นอนสปริงหรือที่นอนยางพาราจะมีราคาสูงขึ้น อายุการใช้งานจะมากขึ้นด้วย โดยส่วนใหญ่ที่นอนสปริงจะเป็นที่นิยมสำหรับคู่แต่งงาน เนื่องด้วยตลาดของที่นอนสปริงนั้นค่อนข้างจะกว้าง มีหลายรุ่นให้เลือก ในขณะที่ถ้าเป็นที่นอนยางพาราจะมีราคาค่อนข้างสูง ข้อเสียคือ มีน้ำหนักมาก และเมื่อโดนแดดแล้วจะมีกลิ่นแรง สำหรับที่นอนสปริง ระบบสปริงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งระบบสปริงพื้นฐานที่นิยมในปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกคือ Offset Spring เป็นสปริงต่อเนื่อง มีการกระจายน้ำหนักไปทั่วกันทั้งที่นอน แบบที่สอง Pocket Spring เป็นสปริงอิสระ การลงน้ำหนักจะปรับรับตามสรีระ และจะยุบตัวเฉพาะส่วนที่ลงน้ำหนักไปเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีระบบอื่นๆ ที่พัฒนามาจากทั้งสองระบบนี้ อาทิ คอยส์อินคอยส์ ที่จะมีการซ้อนสปริงลูกเล็กๆเข้าช่วงกลางที่นอน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการรับน้ำหนักช่วงสะโพกของคนที่นอนให้มากขึ้น ระบบสปริงที่เหมาะสมกับคู่แต่งงานจะเป็นระบบสปริงแบบ Pocket Spring ซึ่งจะมีข้อดีหลักๆเลยก็คือ จะไม่สะเทือนคนด้านข้างถ้าเกิดนอนคู่กัน กรณีที่คนหนึ่งลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนหรือคนหนึ่งนอนพลิกตัวแรงๆ ก็จะไม่รู้สึกถึงคนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ ทำให้คู่ของตัวเองพักผ่อนได้เต็มที่และนอนหลับได้ต่อเนื่อง เพราะ Pocket Spring มีลักษณะสปริงที่แยกอิสระต่อกันโดยไม่มีการเกี่ยวโยงของเส้นลวด เมื่อมีบริเวณไหนถูกน้ำหนักกดทับลงไป สปริงบริเวณนั้นจะยุบตัวโยไม่สะเทือนไปถึงสปริงบริเวณอื่นอีก ขอขอบคุณนิตยสาร WE ฉบับเดือนธันวาคม 50 คอลัมน์ Fashion |