นิตยสารบ้านและสวนในเครือบริษัท อมรินทร์ พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เผยผลวิจัยบ้านและสวนโพล โดยศึกษาคนที่อยากมีบ้านเป็นของตนเองในกรุงเทพฯเดือนพฤษภาคม 2550 จำนวน 400 ตัวอย่าง อายุ 21-60 ปี พบว่าคนกรุงใฝ่ฝันจะมีบ้านแถวชานเมืองมากถึง 65.3% นอกเมือง 7.8% ขณะที่ความสนใจบ้านใจกลางเมืองมีเพียง 27.0% เหตุผลที่ให้คืออยากหลีกหนีมลพิษ การจราจรติดขัด ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต และทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย บ้าน...กับความต้องการที่แท้จริง สาเหตุที่ทำให้คนกรุงต้องการมีบ้านเป็นของตนเองคือ บ้านแสดงถึงความมั่นคงในชีวิต 65.8% การซื้อบ้านเป็นการให้รางวัลตนเอง 12.8% และต้องการแยกตัวออกมาจากบ้านเดิมเพื่อสร้างครอบครัวใหม่มีเพียง 10.5% โดยกลุ่มที่เริ่มวางแผนซื้อบ้านกว่าครึ่งเป็นกลุ่มที่ทำงานไปได้ระยะหนึ่ง อายุเฉลี่ย 30 ปี โดยบ้านหลังใหม่ที่ต้องการต้องสามารถรองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวเดี่ยว 39.3% ครอบครัวเล็กที่ปลูกบ้านอยู่ในบริเวณใกล้กัน 32% และครอบครัวใหญ่ที่มี ปู่ ย่า ตา ยาย ลูกหลานอยู่รวมกัน 19% บ้านที่คนกรุงโหยหา 1 ใน 4 ของกลุ่มตัวอย่างยอมรับว่า ปัจจุบันประสบปัญหาบ้านที่พักอาศัยอยู่ไม่มีบริเวณ คับแคบ แออัด และไม่เป็นสัดส่วน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนกรุงโหยหาบ้านที่มีบริเวณมากขึ้น โดย คนกรุงใฝ่ฝันที่จะมีบ้านเดี่ยว 66.8% ทาวน์เฮาส์ 25.3% บ้านแฝด 4.3% คอนโดมิเนียม 3.3% และอาคารพาณิชย์ 0.5% โดยบ้านหลังใหม่ที่ใฝ่ฝันนั้นต้องใกล้ชิดธรรมชาติ ร่มรื่นอยู่สบาย มีความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมน่าอยู่ และอากาศถ่ายเทได้ดีตามลำดับ ด้วยรูปแบบบ้านที่ใฝ่ฝันนั้นยากที่จะหาได้ในใจกลางเมืองซึ่งมีพื้นที่จำกัดและแวดล้อมไปด้วยมลพิษ ดังนั้นคนกรุงจึงเบนความสนใจมายังบ้านแถวชานเมืองที่สามารถตอบโจทย์ทุกข้อที่ต้องการ สามารถสร้างบรรยากาศของบ้านให้น่าอยู่ เงียบสงบ และเป็นผลดีต่อสุขภาพกาย ใจ เมื่อสำรวจถึงบ้านหลังใหม่ที่ต้องการ พบว่าคนกรุงต้องการซื้อที่ดินเปล่าแล้วสร้างบ้านเองมีเพียง 22.3% ขณะที่ 77.7% นิยมซื้อบ้านพร้อมที่ดินโดยต้องการเป็นบ้านใหม่ 95.5% ขณะที่ความต้องการบ้านมือสองมีเพียง 4.5% นอกจากนี้ 63.3% สนใจบ้านตกแต่งพร้อมอยู่ ขณะที่ 14.3% ชื่นชอบการตกแต่งบ้านเอง โดยสไตล์การตกแต่งบ้านที่ชื่นชอบคือ คลาสสิก 29.8% โมเดิร์น 26.8% และไทยประยุกต์ 13.5% โดยวางงบประมาณซื้อบ้านหลังใหม่ไว้ 1-2 ล้านบาท เงินดาวน์เริ่มต้นที่ยอมรับได้ประมาณ 100,000-200,000 บาท ทำเลกับความเป็นจริงที่ต้องแลกและยอมรับ การพิจารณาเลือกซื้อบ้านนั้น พบว่ากลุ่มเป้าหมายมักเก็บข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือและจับต้องได้เป็นสำคัญนั่นคือ การไปดูบ้านจริงตามโครงการบ้านต่างๆ ตามมาด้วยโครงการขายบ้านในงานแฟร์ ซึ่งติดต่อโดยตรงกับผู้ขายได้ และบ้านที่โฆษณาในหน้าหนังสือและนิตยสาร ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของผู้ขายบ้านต่างๆ โดยปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อบ้านคือ ราคา 24.9% ความน่าเชื่อถือของโครงการ 16.4% วัสดุก่อสร้างมีคุณภาพดี 13.4% การคมนาคมสะดวก 11.1% และมีความปลอดภัย 9.3% โดยบ้านในฝันที่กลุ่มเป้าหมายต้องการนั่นคือ ต้องการบ้านที่อยู่ใกล้กับที่ทำงาน 63.3% ใกล้ศูนย์การค้าและตลาด 49.3% ใกล้สวนสาธารณะ 36.8% ติดถนนใหญ่ 34.3% และใกล้โรงพยาบาล 31.8% หากมองย้อนกลับจะพบว่าสิ่งที่กลุ่ม เป้าหมายต้องการล้วนแล้วแต่เป็นศูนย์รวมสาธารณูปโภคและความสะดวกสบายที่อยู่ในเมืองทั้งสิ้น ความขัดแย้งระหว่างความต้องการบ้าน ที่ใกล้ชิดธรรมชาติ เงื่อนไขของบ้านที่ต้องอยู่ในบริเวณการคมนาคมเข้าถึงหรือสะดวกต่อการ เดินทางไปทำงาน ภายใต้งบประมาณ 1-2 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนกรุงต้องเลือกระหว่าง ความสะดวกสบายกับความฝันที่ต้องการ เมื่อคนกรุงมองหาความสบาย คอนโดมิเนียม จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ความเจริญได้ขยายตัวไปสู่ชานเมือง เมื่อนั้นความฝันของคนกรุงย่อมไม่ไกลเกินจริง |