ว่านหางจระเข้ เป็นต้นไม้ยอดนิยมที่หลายๆ บ้านนำมาปลูกกัน แม้แต่กระทรวงสาธารณสุขยังส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นปลูกตามโครงการสาธารณสุขมูลฐานเพื่อใช้เป็นยารักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เลยทีเดียว ที่เป็นแบบนี้เพราะในใบว่านหางจระเข้ที่เราเห็นเป็นวุ้นใสๆ อยู่นั้นมีสารสำคัญจำพวก ไกลโคโปรตีน (glycoprotein) ชื่อ อะลอคตินเอ (aloctin A) และอะลอคตินบี (aloctin B) เป็นส่วนประกอบ มีสรรพคุณในการลดอาการอักเสบ ช่วยรักษาแผลที่เกิดจากการไหม้ แสบร้อน หรือแผลจากการฉายรังสี ช่วยลดอาการข้างเคียงสำหรับคนที่ทำรังสีบำบัด ทั้งช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
ที่เปลือกของว่านหางจระเข้จะมีน้ำเมือกหรือน้ำยาง เวลากรีดใบให้ขาดออกจากกันน้ำยางสีเหลืองจะไหลออกมา ในน้ำยางนี้จะมีสารพวกแอนทราควิโนนซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาระบาย หากนำน้ำยางไปเคี่ยวให้น้ำระเหยออกไปแล้วทิ้งให้เย็นจะได้สารสีน้ำตาลเกือบดำซึ่งนิยมเรียกกันว่า ยาดำ นำไปใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาแผนโบราณที่ต้องการให้มีฤทธิ์เป็นยาระบายหลายตำรับ ในแถบอัฟริกายังนำน้ำยางจากใบว่านหางจระเข้มาทาผิวสำหรับป้องกันไม่ให้ผิวไหม้เกรียมได้ด้วย โดยมีงานวิจัยพบว่า ในน้ำยางของว่านหางจระเข้นี้มีสารอะโลอิน (aloin) ซึ่งสามารถดูดแสงอุลตราไวโอเลต (UltraViolate) อันเป็นช่วงแสงที่มีผลทำให้ผิวหนังไหม้เกรียมได้ นอกจากนี้ยังพบว่าสารอะโลอิน และสารอื่นที่ได้จากเปลือกใบของว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ยังยั้งเอ็นไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ใต้ผิวหนัง ถ้าเรามีเอ็นไซม์นี้มากไปก็อาจทำให้เกิดจุดด่างดำที่ผิวหนังได้ จึงมีการนำว่านหางจระเข้มาสกัดและผสมเป็นครีมกำจัดฝ้าและรอยด่างดำบนผิวหนังในรูปของเครื่องสำอาง นอกจากนี้ยังนำมาผสมในแชมพูสำหรับบำรุงผม ช่วยป้องกันผมร่วงได้ หากผสมในสบู่ก็จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้า ให้ความชุ่มชื้นไม่แห้งตึง ใบสดของว่านนำมาฝานหนาๆ แล้วทาปูนแดงใช้ปิดขมับรักษาอาการปวดศีรษะ ดูดพิษ ทำให้เย็น แม้แต่รากและเหง้าของต้นก็ยังสามารถนำมาต้มกินรักษาโรคหนองในอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ว่านหางจระเข้ยังนำมาทำเป็นอาหารพวกของหวานได้อร่อยไม่น้อย เช่น น้ำวุ้นมาทำลอยแก้ว หรือวุ้นแช่อิ่ม หรือนำมาปั่นทำเป็นน้ำว่านหางจระเข้ ดื่มเย็นๆ หอมหวานชื่นใจ วิธีการโดยนำใบที่โตเต็มที่มาปอกเปลือก ล้างน้ำยางสีเหลืองออกให้หมด ต้มให้สุกแล้วนำมาปั่นด้วยเครื่องปั่นให้ละเอียด เติมน้ำต้มสุกหรือน้ำต้มใบเตยหอม แล้วเติมน้ำเชื่อมเล็กน้อย ใส่น้ำแข็งดื่มได้ทันทีหรือกรองด้วยผ้าขาวบางเก็บใส่ขวดไว้ในตู้เย็น ดื่มให้หมดภายใน 2 วัน มีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย เพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเวลาอ่อนเพลียพักผ่อนน้อย แถมยังช่วยให้ขับถ่ายคล่องตัว ไม่ท้องผูกด้วย
....นับว่าเป็นพืชพันธุ์ที่มีประโยชน์รอบตัวจริงๆ คุณเห็นด้วยหรือไม่...