หลายคนอาจมองว่าไม่สำคัญ หรือเห็นเป็นเรื่องยาก เลยไม่ได้ใส่ใจ แต่ระบบไฟฟ้าภายในบ้านที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันอยู่เป็นประจำทุกวัน คงมีบ้างที่อาจจะชำรุดสึกหรอ จริงอยู่ที่ว่าไฟฟ้ามีอันตราย หากไม่มีความรู้ก็ไม่ควรไปแตะต้อง ควรเรียกช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบดูแลจะเหมาะกว่า แต่บางสิ่งบางอย่างหากเป็นเรื่องง่ายๆ ก็อาจทำได้เอง "Tip Box No.10" ในหนังสือ "Innovation Out of the Box" ของบริษัท 3เอ็ม ประเทศไทย จำกัด แนะนำการตรวจสอบสายไฟฟ้าภายในบ้านไว้อย่างนี้ จุดต่อสาย ตรวจสอบจุดต่อสาย ในการเข้าสายต้องขันให้แน่นอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อุณหภูมิของสาย สังเกตอุณหภูมิของสายโดยใช้การสัมผัสที่ผิวฉนวนของสาย ถ้ารู้สึกอุ่นหรือร้อนแสดงว่ามีสิ่งผิดปกติ อาจเนื่องจากใช้ไฟเกินขนาดของสาย หรือมีจุดต่อสายต่างๆ ไม่แน่น เช่น บริเวณปลั๊กไฟ เต้ารับ สวิตช์ เป็นต้น สีของเปลือกสาย สังเกตสีของเปลือกสายไฟ ถ้าสายไฟบางเส้นมีสีเปลี่ยนไป เช่น สีขาวเปลี่ยนเป็นสีคล้ำหรือมีฝุ่นจับมาก แสดงว่ามีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ อาจมีการใช้ไฟเกินขนาดสายหรือมีการต่อสายไม่แน่น เป็นต้น ฉนวนของสายไฟฟ้า ฉนวนของสายไฟฟ้าต้องไม่มีการแตกกรอบ ไม่มีรอยไหม้ ชำระ ถ้าพบควรหาสาเหตุแล้วแก้ไขสาเหตุ พร้อมเปลี่ยนสายใหม่ สภาพของสายไฟฟ้า หมั่นตรวจสอบสภาพของสายไฟฟ้าปีละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย โดยให้มีการบันทึกข้อมูลการตรวจสภาพไว้ทุกครั้งด้วย ขนาดของสายไฟฟ้า กรณีที่มีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ควรตรวจสอบขนาดของสายไฟฟ้าที่ใช้อยู่ว่าเหมาะสมหรือไม่ ถ้าขนาดสายไม่เพียงพอต้องเปลี่ยนใหม่ ตรวจสอบสายไฟ ตรวจสอบสายไฟบริเวณที่ทะลุผ่านฝ้าเพดานหรือผนัง อาจมีรอยหนูแทะเปลือกของสายทำให้เกิดลัดวงจรและเกิดไฟไหม้ได้ หากท่านพันสายไฟเองควรเลือกใช้เทปพันสายไฟที่ได้มาตรฐานเนื้อกาวคุณภาพดีไม่เหนียวเยิ้ม และเวลาพันจะต้องยืดเนื้อเทปออกตามยาวจนหน้ากว้างเทปลดลงเหลือประมาณ 3 ใน 4 เมื่อพันถึงรอบสุดท้ายให้พันเทปโดยไม่ต้องดึงอีกหนึ่งรอบ แล้วตัดเทปด้วยมีดหรือกรรไกร ไม่ควรดึงเทปให้ขาดด้วยแรงดึง เพราะจะทำให้ปลายเทปย่นน้ำหรือความชื้นจะสามารถเข้าไปทำลายกาวของเทปซึ่งจะทำให้เทปหลุดล่อนออกมา |