การตกแต่งและจัดห้องนอนผสมผสาน : วิเคราะห์ฮวงจุ้ยโบราณด้วยหลักการสมัยใหม่

การตกแต่งและจัดห้องนอนผสมผสาน วิเคราะห์ฮวงจุ้ยโบราณด้วยหลักการสมัยใหม่

ก่อนนี้ ถ้าเราพูดถึงเรื่องฮวงจุ้ย คนจะมองว่าเป็นเรื่องโบราณ งมงาย แต่ในยุคหลังนี่ มีการพูดถึงกันมาก สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับไปแล้ว ผมเลยอยากจะเขียนเรื่องนี้อย่างกลางๆ คือวิเคราะห์หลักการสมัยใหม่ ร่วมกับแนวทางแบบฮวงจุ้ย ที่จะสามารถนำมาใช้ได้จริง อย่างสมเหตุ สมผล ที่จริงแล้วผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางฮวงจุ้ยเลย ลองศึกษาดูบ้าง แต่ก็ไม่ได้หลักใหญ่ใจความที่ชัดเจนนัก ตำราส่วนใหญ่ ไม่เห็นเขาเขียนหลักเกณฑ์ เขียนแต่รายละเอียด คือข้อสรุป ของการใช้และการแก้ จึงทำให้ไม่สามารถพูดได้เหมือนซินแสเขา แต่จะขอเอาข้อปฏิบัติที่เขาว่าไว้มาเทียบเคียงกับศาสตร์สมัยใหม่ ให้มีหลักการ หลักเกณฑ์ ที่มีที่มาที่ไปบ้าง ไม่ใช่ใช้แต่ sense ซึ่งคงไม่มีทุกคน รวมทั้งตัวผมเองด้วย

หลักการจัดห้องนอน ตามหลักฮวงจุ้ย (ในเครื่องหมายคำพูด) วิเคราะห์โดยหลักการออกแบบ มีดังนี้

1. “จัดห้องให้เรียบร้อย เพราะความรกและไม่เป็นระเบียบ จะขัดขวางการไหลเวียน พลังรักภายในห้อง ส่งผลกระทบให้สัมพันธภาพในชีวิตคู่ ไม่สามารถ ประสานเป็นหนึ่งเดียวได้” - ความไม่เป็นระเบียบนี่ ไม่ว่าเรื่องไหน ก็ไม่ดีทั้งนั้น และก็ก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจ หรือการทะเลาะวิวาทกันจากความไม่เป็นระเบียบนั่นเอง ห้องรก ไม่เป็นระเบียบ อะไรมันก็ย่อมดูขวางหู ขวางตาไปหมด
2. “หน้าต่าง ต้องอยู่ทางทิศตะวันออก เพื่อให้แสงอาทิตย์ยามเช้า สาดส่องเข้ามาเสริมพลังแห่งชีวิต ให้พร้อมเผชิญอุปสรรคในวันใหม่” - หน้าต่างทิศตะวันออกนี้ นับว่าดีทีเดียว แสงสว่างนั้นเป็นนาฬิกาปลุกอย่างดี คนขี้เกียจตื่นสายคงอยู่ห้องนอนที่หน้าต่างอยู่ด้านตะวันออกไม่ได้ แต่บ้านทุกหลัง ย่อมไม่สามารถหันหน้าต่าง ไปทางทิศตะวันออกได้ทุกห้อง ทางทิศเหนือและใต้ก็นับว่าไม่เลว ในทางการออกแบบแล้ว ทิศใต้จะดีที่สุด เพราะได้รับลมเกือบตลอดปี เมืองไทยเป็นเมืองร้อน เราต้องการลมมากกว่าแดด เพราะแดดมากับความร้อน ทิศใต้จึงเป็นทิศที่เหมาะกับเมืองไทยมากที่สุด ส่วนทิศตะวันตกเป็นทิศที่แย่ที่สุด ควรหลีกเลี่ยง
3. “หลีกเลี่ยงการหันหัวเตียงไปตรงกับหน้าต่าง เนื่องจากความสว่างที่สาดส่องเข้ามา ไม่ต่างกับการทักทายของปัญหาและอุปสรรคความยุ่งยากต่างๆ ซึ่งจะทำให้ชีวิตคู่กระท่อนกระแท่น” - ข้อนี้เริ่มจะขัดกับข้อ2 แล้ว คือข้อ2 บอกว่า “เพื่อให้แสงอาทิตย์ยามเช้า สาดส่องเข้ามาเสริมพลังแห่งชีวิต” แต่ข้อนี้จะมองว่าความสว่างนำปัญหามากับอุปสรรคเสียแล้ว บ้านสมัยนี้นั้น มีห้องนอนมาตรฐานที่ไม่กว้างขวางนัก การวางเตียงนอนย่อมหลีกเลี่ยงหรือหลบออกจากหน้าต่างได้ยาก แต่ถ้าไม่ใช่หน้าต่างทางตะวันออกแล้ว ยามเช้าแดดก็จะไม่ส่องเข้ามาในห้องอยู่แล้ว การวางหัวเตียงไปตรงกับหน้าต่างจะไม่ค่อยดีในแง่ความเจ็บป่วยมากกว่า เพราะหัวเตียงใกล้หน้าต่างจะรับลมเย็นตอนกลางคืน และทำให้ไม่สบายได้
4. “ห้ามนอน ขวางประตู คนจีนเขาถือกัน ว่าไม่ต่างจากสุภาษิตที่ว่า น้ำเชี่ยว แล้วเอาเรือเข้าไปขวาง เพราะประตู เป็นช่องทางผ่านเข้ามาของพลัง ซึ่งถ้าเราเอาตัวเข้าไปกัน ก็จะเหมือนกับการทำกำแพง สะท้อนโชคลาภต่างๆให้กลับไป ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าช่องประตูดันไปตรงกับช่องหน้าต่าง ก็ควรจัดแจงแก้ไขด่วน เนื่องจากนั่นหมายความว่า รังรักนั้น กำลังมีรูรั่ว ที่ไม่สามารถกักเก็บโชคลาภ อะไรไว้ได้” - เรื่องนอนขวางประตูนี่คนไทยเขาก็ห้ามเหมือนกัน แต่วิเคราะห์จากข้อห้ามนั้น มีสองประเด็น คือส่วนใหญ่สมัยก่อน ห้องนอนเขานอนรวมกันหลายคน พ่อแม่ พี่ น้อง ก็นอนเรียงกันหมด การไปนอนขวางประตู มันก็ไม่น่าจะดีอยู่แล้ว เพราะไปขวางทางเดิน แบบคุณพ่อมีลูกสาวสวย กลัวย่องไปหาไอ้หนุ่มตอนดึกๆ ก็จะนอนขวางประตูเสียเลย อย่างนี้ก็มีเหตุผลในการนอน และช่องทางผ่านของพลังนั้น ที่วิเคราะห์ดูได้ชัดคือ พลังลมนั่นเอง ช่องประตูกับหน้าต่างที่ตรงกันนั้น เป็นช่องทางลมอย่างดี การนอนขวางช่องทางลม ก็จะทำให้ไม่สบายนั่นเอง
5. “หันหัวเตียงไปทางทิศใต้ จะช่วยเสริมพลังและความสัมพันธ์แห่งรัก ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่สามารถจัดแจงตามแบบได้ ก็หันหัวไปทางอื่นก็ได้ ยกเว้นทิศตะวันตก เท่านั้น” - ทิศตะวันตกเป็นทิศที่คนไทย เกินกว่า 90% ไม่นิยมอยู่แล้ว แต่การเจาะจงทางทิศใต้นั้น ไม่ค่อยมีเหตุผลรองรับ เพราะห้องนอนไม่สามารถเจาะจงทิศให้เหมือนกันได้ทุกห้อง อย่างที่ว่าตั้งแต่ต้น แล้วถ้าหน้าต่างอยู่ทางทิศใต้ด้วย ก็ต้องคอยหลบ ไม่วางเตียงตรงหน้าต่างอีก
6. “หาต้นไม้ มาไว้ในห้อง แค่กระถางเล็กๆ น่ารักๆ ก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องใหญ่โตอลังการ วางไว้ทางทิศตะวันออก ข้างๆหน้าต่าง เพราะเป็นทิศทางเสริมความสัมพันธ์ ตามหลักโหราศาสตร์” - ไม้กระถางเล็กๆ ตกแต่งห้องก็สวยดี แต่ไม้กระถางต้นใหญ่จะไม่เหมาะแน่นอน เพราะตอนกลางคืน ต้นไม้มันแย่งออกซิเจนเราหายใจ
7. “ผนังห้อง ต้องสีน้ำตาลอ่อน เพื่อเสริมพลังจากธาตุดิน ให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ ชีวิตรักยืนยาว ยามที่ความเป็นไปบนเตียงไม่เร้าใจ ก็ควรลองร่วมรักใต้แสงเทียน เล่มสีแดงจุดและนำไปวางมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ของห้อง เพื่อช่วยกระตุ้นพลังรัก ให้เร่าร้อนขึ้น” - เรื่องเสริมพลังรัก ผมขอผ่านก่อน เอาแค่เรื่องสีนะครับ ห้องนอน ควรใช้โทนสีอ่อนอยู่แล้ว เพราะจะให้ความรู้สึกสบาย ปลอดโปร่ง ส่วนสีน้ำตาลอ่อนนั้น จะตกแต่งง่าย เข้ากับสีเฟอร์นิเจอร์ไม้ได้ดี
8. “ทิศอันตราย ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห้ามนำต้นไม้ใดๆ ไปวางไว้เป็นอันขาด เพราะจะทำลายสมดุลของธาตุดินภายในห้อง ส่งผลให้รสรักที่ต่างฝ่ายกำลังสัมผัส ไม่ใช่เรื่องน่าลองอีกต่อไป” - ข้อนี้วิเคราะห์ ไม่ได้เลยครับ แล้วแต่วิจารณญาณกันเอาเอง
9. “อย่าติดกระจกตรงผนัง ถึงแม้ว่าการติดกระจกจะทำให้ห้องดูกว้างขวางขึ้น แต่ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ถือว่าอัปมงคล เพราะกระจก จะสะท้อนภาพรัก ของคนทั้งสองออกมา ซึ่งนั่น เป็นการสื่อนัยๆ ถึงมือที่สาม ที่จะเข้ามาทำให้ชีวิตคู่ยุ่งยาก” - เรื่องอัปมงคลนี่ก็ต้องใช้วิจารณญาณกันเอาเองอีกเช่นกัน แต่การติดกระจกข้างเตียงนี่ มันก็จะดูอีโรติกไปหน่อยนึง ถ้าหนุ่มสาวไฟแรงด้วยกันทั้งคู่ ก็อาจจะใช้งานได้ดี แต่ถ้าฝ่ายหญิงขี้อายก็คงไม่ดีแน่

ส่วนการวางตำแหน่งเตียงนอน ตามหลักฮวงจุ้ย วิเคราะห์โดยหลักการออกแบบ มีดังนี้

1. “เตียงนอนใต้ไฟ ศีรษะมีไฟส่อง ทำให้ปวดศีรษะง่าย เครียดง่ายหรือมีเรื่องร้อนใจเสมอ” - ไฟเพดาน ไม่ว่าจะเป็นโคมติดเพดาน หรือไฟช่อนั้น ไม่ควรใช้กับห้องนอนอยู่แล้ว เพราะเมื่อเรานอนลงไป ก็จะมองเห็นไฟแยงตาเราทันที ทำให้เสียสายตาและปวดหัวง่ายๆ ห้องนอนตามมาตรฐาน เขาจึงมักใช้โคมไฟตั้งโต๊ะหัวเตียงมากกว่า ใช้ส่องอ่านหนังสือนอน จะหลับก็ปิดง่าย ไม่ต้องลุกไปปิดสวิทซ์ หายง่วงเสียอีก ถ้าจะมีไฟเพดานก็ไม่ควรติดตั้งตรงตำแหน่งเตียงนอน
2. “เตียงนอนอยู่ใต้คาน ทำให้ต้องรับภาระหนัก มีเรื่องให้แก้ปัญหาเสมอ” - เรื่องนี้เจอปัญหาบ่อย เพราะเขาถือกันมาก แต่ห้องเล็กๆ บ้านเล็กๆไม่มีปัญหา เพราะคานไม่อยู่กลางห้องอยู่แล้ว บางบ้านแม้ว่าคานจะมีฝ้าเพดานปิดทับ ก็ยังไม่ยอมเลย การส่งผลร้ายของคานนั้น ผมไม่มีข้อพิสูจน์ แต่ในด้านความรู้สึกนั้น ก็ย่อมไม่ดีแน่นอน เห็นคาน หรือฝ้าเพดานต่างระดับมันแปลกๆพิกล อย่างน้อยก็น่าจะส่งผลด้านความรู้สึกอึดอัดได้
3. “เตียงนอนมีเสาบังอยู่ทั้ง 2 ข้าง เหมือนถูกบีบจากเสามีแต่เรื่องเครียดอยู่ตลอดเวลา” - ข้อนี้รู้สึกคนไม่ค่อยถือ ยิ่งฝรั่งชอบมาก ทำเสาประดับหัวเตียงสองข้าง หรือทำเตียงสี่เสา มีหลังคาด้วย ใช้กางมุ้งบ้าง ประดับม่านบ้าง แล้วแต่ชอบใจ
4. “เตียงนอนตรงประตู ทางเข้าออก ป่วยออดๆ แอดๆ เสมอ” - ข้อนี้เป็นเหตุผลเดียวกับการจัดห้อง ข้อ4
5. “เตียงนอนตรงประตูห้องน้ำ ป่วยด้วยโรคช่องท้อง เช่น มดลูก ท่อ ปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก อัมพาต” - อิทธิพลของตำแหน่งแบบนี้ ไม่มีคำอธิบายเช่นกันครับ แต่มาตรฐานการออกแบบก็ไม่นิยมให้ประตูห้องน้ำหันเข้าหาเตียงหรือห้องอยู่แล้ว มักจะหันประตูไปออกทางเดินมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องกลิ่นจะได้ไม่ออกมารบกวนคนนอน เชื้อโรคก็ไม่ฟุ้งกระจายออกมา
6. “เตียงนอนวางลอย ๆ กลางห้อง เหมือนเมรุเผาศพ คนเดินผ่านได้รอบข้างเป็นการจัดวางที่รับอันตรายได้รอบทิศทาง ถือว่าไม่เป็นมงคล” - การวางเตียงลักษณะนี้ก็ไม่ค่อยได้ทำอยู่แล้ว เพราะการจะวางเตียงลอยกลางห้องได้นั้น ห้องนอนจะต้องใหญ่พอสมควร แต่ต้องมีส่วนประกอบอื่นเสริมด้วย เช่นยกหัวเตียงสูงหน่อย เป็นแผงหลัง หรือมีเสา มีซุ้มประกอบ แต่ถ้าเป็นเตียงลอยๆเลย ก็ไม่นิยมทำอยู่แล้ว เพราะจะเกิดความรู้สึกโล่ง โหวงเหวง ไม่ปลอดภัย และนอนไม่หลับ
7. “กระจกแผ่นใหญ่ส่องเตียงนอน ป่วยง่าย ทำให้ตกใจง่าย เหมือนถูกผีหลอก ทั้งๆที่เป็นตัวเอง การป่วยจะเป็นการป่วยเรื้อรัง” - ข้อนี้การจัดห้องข้อ9 ก็ไม่สนับสนุนเช่นกัน การตกใจจากแสงเงาในยามกลางคืนนั้น ย่อมสร้างความกลัว หรือหวาดระแวงได้เช่นกัน ห้องนอนควรเป็นห้องที่เรารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยมากที่สุด ในเวลานอน
8. “วางเตียงนอนไว้ใต้บันได ถือว่ารับแต่ของสกปรก หรืออัปมงคลไว้ตลอดเวลาเป็นลักษณะกดทับ แก้ปัญหายาก” - ใต้บันได เป็นที่ที่คนไทยถืออยู่แล้ว เพราะคนไทยถือที่ต่ำ ที่สูง ถือหัว ไม่ยอมให้ใครข้าม อีกทั้งบันใดเป็นทางเดินประเภทหนึ่ง เมื่อมีคนเดินไปมา ก็ต้องมีเสียงบ้าง คนที่นอนใต้บันได จะหลับสบายได้อย่างไร
9. “เตียงนอนใต้แอร์ ส่วนหัวเตียง ศีรษะจะถูกกดทับ” - ตำแหน่งของแอร์ไม่ควรจะอยู่ในตำแหน่งของเตียงอยู่แล้ว เพราะทิศทางลมถ้าจะปรับเข้าหาคน ก็จะแรงเกินไป และส่วนของใต้ท้องแอร์จะเป็นลมหมุนเวียนย้อนกลับ เป็นลมไม่บริสุทธิ์ และเครื่องแอร์ยังมีเสียงดัง มีการอุดตัน น้ำรั่วได้ จึงทำให้ไม่เหมาะสมที่จะวางตำแหน่งเหนือเตียงหรือหัวเตียง เข้าลักษณะเดียวกับข้อ2