วิธีเลือกซื้อที่นอนสปริง ท่านเคยให้ความสำคัญกับการนอนหลับหรือไม่ ? ถ้าไม่เคย ลองหันมาสนใจให้ความสำคัญกับการนอนหลับกันดีกว่า เพราะการที่ร่างกายและจิตใจได้รับการ พักผ่อนอย่าง เต็มที่ด้วยการได้นอนหลับอย่างมีคุณภาพตลอดทั้งคืน จะทำให้เช้าวัน รุ่งขึ้นของท่านสดใส กระฉับกระเฉง สุขภาพจิตดี ส่งผลให้ทำงานได้อย่างเต็ม ประสิทธิภาพ ซึ่งการนอนของท่านจะหลับสบายหรือไม่นั้น มีองค์ประกอบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นนิสัยการนอนของท่านเอง อาหารที่รับประทาน การออกกำลังกาย และ ส่วนสำคัญอีกอย่างก็คืออุปกรณ์ในการนอน ในที่นี้สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่นอนใหม่ หรือต้องการจะเปลี่ยนรูปแบบการนอนจากเดิม เช่น ที่นอนนุ่น ฟองน้ำ หรือ ไม้กระดาน (สำหรับผู้ที่ชอบปวดหลัง) หากท่านที่กำลังคิดจะเปลี่ยนที่นอนใหม่หรือต้องการจะเปลี่ยนรูปแบบการนอนมาใช้ที่นอนแบบสปริง ซึ่งจัดว่าเป็นที่นอนที่มีราคาค่อนข้างสูง ถึงสูงมาก โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาปวดหลัง โรคภูมิแพ้ หอบหืด มีความสวยงาม ประหยัดเนื้อที่ในการจัดวางเพราะไม่ต้องใช้เตียง ถ้าผู้บริโภคมีความพร้อม มีความพอใจที่จะเลือกใช้และตัดสินใจที่จะเลือกซื้อที่นอนชนิดนี้แล้ว จึงควรรู้ถึงวิธีการพิจารณาคัดเลือก โดยศึกษาข้อมูลหลาย ๆ ด้านประกอบการตัดสินใจ ดังนี 1. ประเภทของสปริงชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบที่นอนสปริง 1.1 สปริงแบบบอนแนลล์ (Bonnell) เป็นสปริงแบบแรกที่คิดค้นขึ้น รูปทรงคล้ายนาฬิกาทราย จุดอ่อนคือการยึดสปริงแต่ละลูกเข้าเป็นสปริงที่นอนทั้งหลังได้ไม่แน่นเท่าที่ควร ขดลวดสปริงจึงล้มง่าย ทำให้เกิดเสียงเสียดสี 1.2 สปริงแบบออฟเซ็ท (Offset)เป็นการพัฒนามาจากแบบบอนแนลล์ มีความแข็งแรงกว่าเพราะหัวสปริงมีขอบสี่เหลี่ยมทำให้ยึดสปริงได้แข็งแรงและไม่มีเสียงเสียดสีของสปริง แต่จุดอ่อนคือ มีความแข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่นต่อการรองรับน้ำหนักร่างกายของผู้นอน เวลาสปริงรับแรงกดจะดึงสปริงรอบๆทำให้รบกวนคนนอนข้างๆเวลาขยับตัว เป็นสปริงชนิดที่นิยมใช้มากที่สุด
1.3 สปริงแบบออฟเซ็ทปลายเปิด (Open offset) เป็นการพัฒนาต่อจากออฟเซ็ทยึดได้แน่นแต่ปล่อยให้ขยับตัวยืดหยุ่นได้มากกว่าสามารถลดความกระด้างและมีความยืดหยุ่นต่อการรองรับน้ำหนักได้ดี
1.4 สปริงแบบสวมในถุงผ้าหรือพ๊อกเก็ตสปริง (Pocket Spring) สปริงจะผูกในถุงผ้าเป็นลูก ๆ ติด ๆ กัน ทำให้สปริงแต่ละลูกสามารถยืดหรือหดได้อย่างเป็นอิสระต่อกัน ไม่มีปัญหาเวลาคนนอนข้าง ๆ พลิกตัว มีความยืดหยุ่นในการรองรับน้ำหนัก รวมทั้งโค้งเว้าสอดรับกับสรีระร่างกายได้ดี สปริงชนิดนี้จึงมีราคาแพง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงจากถุงผ้าที่หุ้ม และเส้นลวดทำสปริงต้องมีคุณภาพสูงจึงจะมีอายุการใช้งานยาวนาน
เนื่องจากสปริงแบบ บอนแนลล์ ออฟเซ็ท ออฟเซ็ทปลายเปิดและพ๊อกเก็ตสปริง เป็นสปริงที่มีแนวตั้งตรงแนว 90 องศา ดังนั้นความสามารถในการรับน้ำหนักร่างกายจึงมีเท่าๆกัน แต่เนื่องจากน้ำหนักกดของร่างกายขณะนอนในแต่ละส่วนมีไม่เท่ากัน ส่วนของร่างกายที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือ สะโพก และหลังส่วนบน จึงมักจะยุบตัวเป็นแห่งแรก วิธีการแก้ปัญหานี้คือการเสริมแผ่นโฟมทรงกระบอกลงไปตรงกลางขดลวด เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับสปริงบริเวณสะโพก หรือการเรียงขดลวดสปริงที่รองรับสะโพกเป็นสปริงที่มีความแข็งกว่าบริเวณอื่น 1.5 สปริงแบบต่อเนื่อง เป็นการดัดแปลงแนวคิดที่ว่า สปริงชนิดข้างต้นต้องใช้แรงงานคนประกอบ อาจเกิดความผิดพลาดในการประกอบได้ จึงมีแนวคิดในการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติที่มีมาตรฐานสูงในการประกอบสปริงทั้งหลัง และมักใช้ขดลวดที่มีขนาดเล็ก และมีความเหนียว เพราะสามารถขึ้นรูปเป็นสปริงและถักทอได้ง่าย
2. การเสริมขอบที่นอนสปริงให้แข็งแรง การนั่งที่ขอบที่นอนน้ำหนักในการนั่งจะทำให้ที่นอนเกิดการยุบตัวได้ จึงนิยมเสริมขอบที่นอนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทำให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนานปัจจุบันมี 2 ระบบ
2.1 ระบบแหนบหรือเอชการ์ด (Edge Guard) ตัวแหนบเป็นรูปตัวอักษร Z ตัวใหญ่ หรือตัวอักษร E ตัวใหญ่
2.2 การเสริมด้วยแถวของสปริงซ้อนกันเป็น 2 แถว วิธีนี้จะดีกว่าระบบเอชการ์ด เพราะจะได้ทั้งความแข็งแรงทนทานและไม่กระด้างเหมือนระบบแหนบ
ปัจจัยที่จะตัดสินว่าสปริงที่นอนแบบใดดีกว่ากันนั้น มีหลายปัจจัยคือ 1. ประเภทหรือลักษณะของสปริงที่ใช้เป็นแบบบอนแนลล์ แบบออฟเซ็ท แบบปลายเปิด แบบ Pocket Spring หรือแบบต่อเนื่อง ซึ่งในแต่ละแบบจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป 2. ความสูงของขดลวดสปริงที่นอน หากขดลวดสปริงยิ่งสูงก็จะยิ่งมีช่วงการยืดหยุ่นต่อการรองรับน้ำหนักได้ดี โดยมาตรฐานขดลวดสปริงควรมีความสูงไม่ต่ำกว่า 6 นิ้ว 3. จำนวนรอบเกลียวของขดลวดสปริงที่นอน หากขดลวดสปริงที่มีรอบเกลียวมาก ความยืดหยุ่นและความทนทานจะดีกว่าขดลวดสปริงที่มีระบบเกลียวน้อยกว่า 4. คุณภาพของเส้นลวดสปริง เส้นลวดสปริงที่ดีจะต้องมีลักษณะเหนียวคืนตัวได้ดี ไม่แข็งกระด้างหรืออ่อนเกิน 5. จำนวนและขนาดของเส้นลวดสปริง จะต้องสัมพันธ์กันเสมอ หากต้องการเพิ่มจำนวนขดลวดสปริงต่อสปริงที่นอน 1 หลังให้มากขึ้น ก็ต้องลดขนาดของเส้นลวดสปริงให้เล็กลงเพื่อให้ได้สปริงที่นอนที่มีความแข็งแรง แต่ไม่กระด้าง ข้อคิดประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อที่นอนสปริง >> เนื่องจากสปริงที่ใช้มีหลายประเภทดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งแต่ละประเภทจะมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันไป ผู้บริโภคสามารถเลือกให้เหมาะสมกับตนตามคุณสมบัติที่ต้องการ >> วัสดุที่รองรับน้ำหนักผู้นอน ถ้าเป็นแผ่นยางพาราจะมีคุณภาพดีกว่าในเรื่องการรับน้ำหนัก แต่จะมีราคาสูงกว่าผ้าฝ้ายอัด หรือฟองน้ำ >> ผ้าหุ้มที่นอนชั้นนอกสุดของที่นอน ควรเลือกใช้ผ้าที่มีส่วนผสมของฝ้ายหรือวิสโคสหรือเรยอน ในปริมาณสูง ๆ เพื่อผิวสัมผัสที่นุ่มลื่น ระบายอากาศได้ดี ซึ่งจะมีราคาสูง แต่ถ้ามีส่วนผสมของไนลอนหรือโพลีโพรทีลีนในปริมาณ สูงผ้าจะมีลักษณะหยาบ ระบายอากาศไม่ดี มีราคาถูก สังเกตุจากเนื้อผ้าที่มีแววสะท้อนแสงจะมีส่วนผสมของโพลีโพรทีลีนในปริมาณสูง >> ความคิดที่ว่าที่นอนนุ่มไม่ดี จะทำให้ปวดหลังได้นั้น ไม่ถูกต้องเสมอไป สาเหตุจากที่นอนนิ่มถ้าเป็นเพราะสปริง เมื่อใช้ไประยะหนึ่งสปริงย่อมเกิดความอ่อนล้ายุบตัว ก็อาจทำให้ปวดหลังได้ แต่หากที่นอนนุ่มเพราะซื้อวัสดุรองรับนุ่ม โดยมีสปริงที่เป็นแกนกลางของที่นอนแข็งแรง จะไม่ทำให้ปวดหลัง โดยทั่วไปร่างกายของเราขณะนอนจะมีแรงกดทับบริเวณไหล่ และสะโพก ร่างกายของเราจึงต้องการที่นอนที่มีลักษณะนุ่มเพราะชั้นวัสดุรองรับทำหน้าที่เป็นเบาะให้ร่างกาย >> หากจะให้ที่นอนมีความนุ่มสบาย และอายุการใช้งานเต็มประสิทธิภาพ จะต้องวางบนบ๊อกสปริงเท่านั้น เพราะบ๊อกสปริงทำหน้าที่เป็นโช๊คอัพให้กับที่นอนสปริง ดูดซับแรงกดที่ถ่ายทอดผ่านที่นอนสปริงสู่บ๊อกสปริงไม่ให้สะท้อนกลับสู่ร่างกายผู้นอน จึงทำให้ที่นอนสปริงยืดหยุ่น นุ่มสบายยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันการดูดซับแรงกดเป็นการคลายความเครียดของสปริงทำให้สปริงมีอายุการใช้งานยืดยาว เพราะฉะนั้น การที่จะพิจารณาว่าที่นอนสปริงยี่ห้อนี้ดีกว่ายี่ห้อนั้น ต้องศึกษาและพิจารณารายละเอียดประกอบไปพร้อม ๆ กัน มิใช่แค่ประการใดประการหนี่ง ควรขอดูตัวอย่างสปริงที่ผู้ขายมีไว้แสดงเพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ ผู้บริโภคต้องทดลองนอน แล้วจะรู้ว่าร่างกายเราเหมาะสมกับที่นอนประเภทใด นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ งบประมาณ จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเราจะมีกำลังในการบริโภคขนาดไหน ซึ่งราคาของที่นอนสปริงจะมีคุณภาพแตกต่างกันตามวัสดุที่ใช้ ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ และขอย้ำว่าขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคล สุดท้ายสิ่งที่พึงระลึกไว้เสมอคือควรเปรียบเทียบราคาระหว่างยี่ห้อ สอบถามรายละเอียดจากตัวแทนโดยไม่ต้องเกรงใจ (เพราะราคาแพง) ในเมื่อเราจ่ายเงินในราคาสูงแล้วเราควรจะได้รับในสิ่งที่เราพอใจสูงสุดมิใช่หรือ แต่ถ้าจ่ายเงินไปแล้วยังเลือกชนิดที่นอนไม่เหมาะสมก็อาจทำให้นอนไม่หลับได้ แต่ถ้านอนไม่หลับเพราะเหตุผลอื่นก็ควรแก้ปัญหาไปเป็นเรื่อง ๆ |