หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มักประสบปัญหาในการเลือกซื้อผ้าปูที่นอน ไม่รู้ว่าตัวย่อแต่ละตัวมีความหมายว่าอย่างไร เลือกอย่างไรถึงจะเหมาะกับที่นอนของตัวเอง อย่าเพิ่งร้อนใจ เพราะ "shopping guide" ในวารสาร "LUMPIPI" ของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มีวิธีเลือกผ้าปูที่นอนอย่างง่ายๆ มาฝากกัน (ภาพประกอบ เครื่องนอน Aussino) step 01 ผ้าปูที่นอน เริ่มจากวัดขนาดที่นอนของเราเสียก่อน ว่าที่นอนที่บ้านเราเป็นที่นอนประเภทไหน จะได้ไม่มีปัญหาซื้อผ้าปูที่นอนมาผิดขนาด โดยขนาดผ้าปูที่ใช้ได้กับที่นอนในเมืองไทยมีดังนี้ single fitted sheet 42 X 78 นิ้ว (3.5 X 6.5 ฟุต) queen fitted sheet 60 X 78 นิ้ว (5 X 6.5 ฟุต) king fitted sheet 72 X 78 นิ้ว (6 X 6.5 ฟุต) step 02 ปลอกหมอน ปลอกหมอนหนุน (pillow cases) ที่แพ็กมาในชุดเดียวกันกับผ้าปูเตียง โดยมากจะมีขนาดมาตรฐาน คือ 20 X 30 นิ้ว แต่ในต่างประเทศจะมีทั้งขนาด 20 X 25 นิ้ว และ 20 X 35 นิ้ว เพิ่มขึ้นมา ส่วนหมอนข้าง (bolster cases) และหมอนข้างกาย (body pillow cases) ที่มีลักษณะสั้นและหนากว่าหมอนข้างนั้น บางครั้งอาจมีขนาดที่ต่างกันไป แล้วแต่ยี่ห้อ ดังนั้น ปลอกหมอนที่เคยใช้ได้กับหมอนยี่ห้อหนึ่ง อาจใช้ไม่ได้กับอีกยี่ห้อหนึ่ง จึงต้องตรวจสอบขนาดให้ดีก่อนซื้อ step 03 ชนิดเนื้อผ้า ปัจจุบันผ้าปูที่นอนมักทำจากเส้นใยที่เป็นส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์กับผ้าฝ้าย ซึ่งสามารถตากให้แห้งได้ง่าย แต่สำหรับผ้าปูที่นอนที่ทำจากผ้าฝ้ายบริสุทธิ์นั้น เราจำเป็นจะต้องรีดให้เรียบก่อนนำไปใช้ ชนิดของเนื้อผ้าที่ต่างกันก็มีผลต่อคุณภาพของผ้าปูที่นอน 100% cotton satin ให้ความนุ่มมันเงาและเย็นสบาย แต่ราคาค่อนข้างสูง 100% cotton ทนทาน ซักแล้วไม่เกิดขุยผ้า แต่ความนุ่มนวลลดลง 50% combed cotton/ 50% polyester (CVC) ใช้งานได้ดี ถึงจะไม่นุ่มนวลนัก แต่ก็ทนทานสมราคา 35% combed cotton/ 65% polyester (TC) ราคาถูกสุดแต่นุ่มนวลน้อยและระบายอากาศได้น้อย sweet dream เราสามารถตกแต่งผ้าปูที่นอนสีเรียบๆ ให้มีสีสัน ด้วยการปูผ้าสีเรียบไว้ด้านล่าง แล้วเลือกผ้าที่มีสีตัดกันมาปูที่นอนด้านบน เป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับห้องนอน |