|
คิดให้ดีก่อนซื้อบ้าน |
ต้องยอมรับว่า ปีนี้ปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ เปลี่ยนไปจากปีก่อนหลายอย่าง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนแล้วแต่ไม่เอื้ออำนวยต่อการซื้อ-ขายบ้านมากนักไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อย !! อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มทะยานขึ้น จนทำให้กำลังซื้อลดลง ซึ่งว่ากันว่า ดอกเบี้ยขึ้นทุก ๆ 1% จะทำให้กำลังซื้อลดลงราว 8% ราคาน้ำมันที่ยังอยู่ระดับสูง แม้ว่าจะเริ่มมีเสถียรภาพบ้าง ส่งผลให้ค่าขนส่งพุ่งขึ้นตามไปด้วย รวมถึงค่าครองชีพที่เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ค่าครองชีพในแต่ละวันเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว จนมนุษย์เงินเดือนแทบจะไม่มีเงินออม ทั้งที่ก่อนนี้พยายามที่จะออมเงินตามนโยบายของรัฐบาลที่พยายามส่งเสริมให้ประชาชนออมเงิน 1 ส่วนและใช้จ่าย 3 ส่วนของรายได้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น น่าจะทำให้ผู้บริโภคที่คิดจะซื้อบ้านจะต้องคิดให้มากกว่าเก่า ก่อนที่จะซื้อบ้าน ไม่เช่นนั้น อาจจะเสียใจภายหลังได้ มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ผู้ที่คิดจะซื้อบ้านในปีนี้ ถือว่าเป็นการคิดที่ถูกต้อง เพราะหากซื้อในช่วงนี้ยังบ้านที่มีต้นทุนก่อสร้างเดิมอยู่ ผู้ประกอบการคงจะยังไม่ได้ขึ้นราคา และขายในราคาเดิม แต่ถ้าหากจะซื้อบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง อาจจะได้บ้านต้นทุนใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าค่าก่อสร้างจะต้องแพงขึ้น และผู้ประกอบการจะต้องขึ้นราคาบ้านด้วยเฉลี่ยที่ 5-7% ดังนั้น หากใครจะซื้อบ้านในช่วงต้นปี หรืออย่างช้าไม่เกินไตรมาสสอง น่าจะได้บ้านต้นทุนเดิม ซึ่งจะประหยัดเงินได้มากพอสมควร อย่างน้อยก็เก็บเงินไว้ซื้อเครื่องใช้ไม้สอย หรือเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านได้ ทั้งนี้ ก่อนที่จะซื้อบ้านควรคำนึงถึงปัจจัยหลัก ๆ 3 ประการ ประกอบด้วย 1. จะต้องสำรวจเงินในกระเป๋าตัวเองก่อน ว่ามีเพียงพอที่จะซื้อหรือไม่ ที่สำคัญจะต้องคำนึงถึงความสามารถในการผ่อนชำระว่าจะผ่อนได้มากน้อยแค่ไหน การเลือกซื้อควรจะซื้อบ้านที่ต่ำกว่าความสามารถราว 20% อาทิ ถ้ามีความสามารถซื้อบ้านได้ในราคา 5 ล้านบาท ควรจะซื้อบ้านราคา 4 ล้านบาท เพราะดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น จะทำให้ต้องการผ่อนชำระในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นด้วย 2. หากจะต้องกู้เงินควรจะเลือกดอกเบี้ยคงที่อย่างน้อย 3-5 ปี เพื่อควบคุมรายจ่ายในอนาคตได้อย่างแม่นยำ และไม่เดือดร้อนหากดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น และ 3. เพื่อความแน่นอนว่าจะสามารถผ่อนชำระได้ตามกำหนด ควรจะทดลองออมเงินเท่ากับจำนวนที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนก่อนอย่างน้อย 6 เดือน ถ้าหากสามารถออมเงินได้ ก็จะทำให้มั่นใจว่าสามารถผ่อนชำระเงินงวดในแต่ละเดือนได้ หากทำตามที่ มานพ แนะนำแล้วก็เชื่อได้ระดับหนึ่งว่า การซื้อบ้านจะไม่มีปัญหาในการผ่อนชำระในอนาคตแน่นอน สำหรับในฟากผู้ประกอบการ มานพ แนะนำว่า การลงทุนโครงการใหม่ ควรจะดูทิศทางตลาดให้ดี ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยมีมากน้อยแค่ไหน และต้องสำรวจคู่แข่งในย่านเดียวกันด้วยว่ามีใครมาปักหลักอยู่บ้าง หากมีผู้ประกอบการมาลงทุนหลายราย ก็ไม่ควรจะไปแข่งขันกันเอง ควรจะเลี่ยงไปในทำเลอื่น โดยเฉพาะ หากมีคู่แข่งที่แข็งแรงกว่า ก็ควรจะหลบ และไปในย่านที่มีการแข่งขันน้อย เพื่อความปลอดภัย แต่ที่สำคัญที่สุด การพัฒนาโครงการ ควรจะใส่ใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายว่าต้องการอยู่บ้านแบบไหน การออกแบบควรจะสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงสภาพแวดล้อมภายในโครงการด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะช่วยให้ขายบ้านได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่า ภาวะตลาดจะเอื้ออำนวยต่อการทำตลาดมากเหมือนปี 2546-2547 ก็ตาม
|
|
บ้านมือสอง คอนโด condo บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านเช่า ที่ดิน
วันที่ : 7 มกราคม 2549
จำนวนผู้อ่าน : 4764 ครั้ง
เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ
|
|
|
ขายบ้าน, คอนโด มือสอง, บริษัทนายหน้า, โบรกเกอร์, รับฝากขายบ้าน, ขายบ้าน, realtor, agency, บริษัท ขายบ้าน, ตัวแทน นายหน้า, รับฝากขาย, ซื้อขายบ้าน, ฝากขายบ้าน
นายหน้า ขายบ้าน, บ.นายหน้า ขายบ้าน, โบรกเกอร์, ซื้อขายบ้าน, รับฝากขายบ้าน, ตัวแทนนายหน้า, โบรกเกอร์บ้าน, นายหน้าบ้าน, ตัวแทนบ้าน ขายบ้าน ตกแต่งบ้าน ฟอร์นิเจอร์ ออกแบบ บ้าน ซื้อขาย บ้าน, รับออกแบบ บ้าน, รวมแบบบ้านแบบ บ้าน, ตกแต่งภายใน บ้าน, interior design ออกแบบ บ้าน, interior รับออกแบบ บ้าน,
Architecture รับออกแบบ บ้าน, ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งภายใน, Mudahouse, ตกแต่งภายใน, รับเหมา ก่อสร้างบ้าน, บริษัท ก่อสร้าง
|