สำหรับผู้ที่มีแนวโน้มที่จะเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว เมื่อสูดดมมูลของไรฝุ่น ที่ติดอยู่ในที่นอนปลอกหมอน ซึ่งมูลไรฝุ่นนี้จะเป็นสารโปรตีนชนิดหนึ่งที่จะไปกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารที่ก่อให้เกิดภาวะภูมิไวได้ ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น ไอ จาม คันตา และรุนแรงที่สุดคือการหอบหืด โดยผู้ที่ได้รับผลจากไรฝุ่นจะมีอาการ เยื่อจมูกอักเสบ ผิวหนังอักเสบ ซึ่งอาการของโรคหอบหืดในปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นมากกว่า 10 ล้านคน ถือว่าเป็นภัยใกล้ตัวที่ต้องระวัง เจ้าไรฝุ่นนี้ มีขนาดเล็กมาก เพียง 0.3 มิลลิเมตร ไรฝุ่นในประเทศไทยเกือบ 100% พบที่เตียงนอน หมอน ผ้าห่ม และเฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นใยให้มันหลบซ่อนอาศัย เนื่องจากเศษคราบไคลจากผิวคนเราที่ลอกหลุดในแต่ละวันเป็นอาหารอย่างดีให้กับไรฝุ่น เพราะมันชอบอยู่ตามเส้นใยที่มืดๆ ยิ่งอับชื้นยิ่งดี ในแต่ละวันไรจะกิน ถ่าย ขยายพันธุ์ ซึ่งมีการขยายพันธุ์เร็วมากตัวเมียตั้งท้องภายใน 1 ชั่วโมง และอีก 3 วันต่อมาก็ตกไข่ จากระยะไข่จนเป็นตัวโตเต็มวัยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งมันจะเพิ่มจำนวนและสร้างมูลจำนวนมาหาศาลจึงจำเป็นที่เราต้องรีบกำจัดการแพร่พันธุ์นี้อย่างเร่งด่วน แต่วิธีไหนล่ะที่จะได้ผลดีที่สุดมาดูกันต่อไป
วิธีต่างๆ ในการทำความสะอาดที่นอน
การใช้ความร้อน
- รีดผ้าด้วยเตารีด ฆ่าตัวไรได้ผลชะงัก
- ซักด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที
- ใช้ความร้อนประมาณ 140 องศาเซลเซียส นาน 1 ชม. สามารถทำลายสารก่อภูมิแพ้ในมูลไรได้ - การตากแดด นาน 1 ชม. ฆ่าตัวไรฝุ่นได้ แต่ถ้านานกว่า 5 ชม. จะสามารถยับยั้งการเจริญของไข่ไรฝุ่นได้
การซักล้าง
- การซักผ้า จะช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี เพราะมูลไรละลายน้ำ
การคลุมด้วยผ้าป้องกันไรฝุ่น
- วิธีการนี้เป็นการหลีกเลี่ยงเพื่อลดการสัมผัสกับไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ การใช้ ผ้ากันไรฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ เช่น พลาสติก หรือ ผ้าทอแน่นที่มีรูห่างของผ้าเล็กกว่ามูลไร (10 ไมโครเมตร) หุ้มที่นอน/หมอน ทำให้สามารถกั้นมูลไม่ให้ฟุ้งออกจากเครื่องนอนมาสัมผัสเรา มีผลให้ลดการสูดดมลงได้ แต่การใช้ผ้ากันไรฝุ่นไม่ได้ช่วยลดปริมาณตัวไรแต่อย่างใด
เครื่องดูดฝุ่น
- สามารถช่วยลดมูลไรฝุ่นได้ควรใช้เครื่องที่มีถุงเก็บกัก 2 ชั้น หรือถุงอย่างหนาเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของสารก่อภูมิแพ้ แต่วิธีนี้ช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ แต่ไม่ลดปริมาณไรฝุ่น
เครื่องกรองอากาศ
- มีประโยชน์ในการดักจับสารก่อภูมิแพ้ที่ลอยในอากาศ จึงช่วยได้ระดับหนึ่งแต่ควรแก้ที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ
การใช้สารธรรมชาติ
- การนำพืชสมุนไพรมาใช้ในการกำจัดไรฝุ่นก็เป็นอีกทางหนึ่ง เช่น tannin เป็นสารทำลายโปรตีน สารก่อภูมิแพ้ (denaturants), น้ำมันยูคาลิปตัส, tea มักใช้ผสมน้ำสำหรับซักผ้า นอกจากนี้ยังมีการนำสารสมุนไพรมาเคลือบผ้า เช่นสารสกัดจากดอก Chrysanthemums ศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่นศิริราชได้คิดค้นน้ำยาสกัดสมุนไพรฆ่าไรซึ่งได้ผลดี ฆ่าไรได้ 100%
แนวทางการป้องกันไรฝุ่น 1.หลีกเลี่ยงใช้งานเครื่องนอน พรม และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากเส้นใยซึ่งมีอายุการใช้งานหลายปี 2.เลี่ยงการเลือกใช้ข้าวของเครื่องใช้ที่มีเส้นใยสานกันแน่น พลาสติก หรือเส้นใยไวนิล และไนลอน หรือเคลือบด้วยสารป้องกันไรฝุ่น 4.การซักเครื่องนอนเป็นประจำด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิอย่างน้อย 55 องศาเซลเซียส 30 นาที ทุก 1 เดือน 6.การซักแห้งนั้นถึงจะฆ่าตัวไรฝุ่นได้แต่ไม่สามารถลดสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นลงได้ เพราะโปรตีนจากซากมันยังอยู่ ไม่ได้ถูกชะล้างออกไป 7. ส่วนผ้าหุ้มกันไรฝุ่นควรซักด้วยน้ำธรรมดาหรือผงซักฟอกซักมือหรือซักเครื่องได้ตามปกติทุก 2 -4สัปดาห์ 8. ควรใช้หมอนที่ทำจากใยสังเคราะห์ ไม่ควรใช้หมอนที่ทำจากขนสัตว์ต่าง ๆ นุ่น ฟองน้ำ และควรหุ้มด้วยผ้ากันไรฝุ่นอีกชั้น สำหรับผ้านวมควรเลือกแบบไส้เป็นใยสังเคราะห์ ส่วนผ้าห่ม เลือกชนิดที่ไม่สะสมฝุ่น ซักน้ำร้อนได้ แห้งเร็ว ไม่ควรใช้แบบที่ทำจากขนสัตว์ ผ้าฝ้าย ผ้าสำลี 9. สำหรับเบาะที่นอนเป็นหนึ่งในผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ไรฝุ่น ซึ่งบ่อยครั้งที่มันไม่สามารถฆ่าหรือป้องกันได้อย่างถาวร เราแนะนำให้ปรึกษาและให้ผู่เชี่ยวชาญในการทำความสะอาดที่นอนมืออาชีพมาช่วยดีกว่า อย่างบริการของ Home care ของ homepro สามารถช่วยคุณได้ สนใจติดต่อสอบถามที่ โทร. 0-2831-6000 กด 3 รับรองที่นอนคุณจะปราศจากไรฝุ่นไปอีกนาน เพราะทำความสะอาดด้วยมืออาชีพโดยตรง |