ต้นไม้ นอกจากจะให้ความสวยงาม ร่มรื่น สบายตาแล้ว ตามที่เราทราบกันว่า ต้นไม้ในตอนกลางวันจะสามารถผลิตออกซิเจนให้กับโลกได้อีกด้วย ในภาวะโลกปัจจุบัน ที่เกิดผลกระทบจากภาวะเรือนกระจก ที่ทำให้โลกร้อนขึ้น อากาศแปรปรวน น้ำแข็งขั้วโลกเริ่มละลาย ฯลฯเหล่านี้ เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้นอกเสียจากต้องช่วยกันประหยัดพลังงาน และใช้วัสดุที่ไม่ทำจากถุงพลาสติก กล่องโฟม รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อภาวะโลกร้อนอื่นๆอีกมากมาย ในปัญหาระดับโลกที่กล่าวไปนี้ ยังมีปัญหาเรื่องอากาศเป็นพิษ ที่รายล้อมอยู่รอบๆตัวเราในทุกๆวันของการทำงาน ซึ่งคอยบั่นทอนสุขภาพของเราลงไปทุกวันอีกด้วย ยังดีที่มีพระเอกของเรื่อง คือ ต้นไม้ เจ้าต้นไม้นี่เองที่สามารถดูดซับสารพิษในอากาศ แล้วเปลี่ยนกลับมาเป็นอากาศดีให้เราหายใจเข้าไป ด้วยกระบวนการของพืช ที่ประกอบด้วย การสังเคราะห์แสง การหายใจ และการคายน้ำ เพียง 3 ขั้นตอนของกระบวนการนี้ เป็นตัวสำคัญที่เชื่อมโยงสู่ความเป็นพระเอกตัวจริงเสียจริงที่มีความสัน พันธ์ในการดูดซับสารที่เป็นพิษต่อคน และพืชเองก็ยังสามารถนำสารเหล่านี้ไปใช้ปะโยชน์ต่อตัวเองได้ เรามาดูกันว่าแต่ละขั้นตอนของพืชนั้นดูดซับสารพิษได้อย่างไร การสังเคราะห์แสง - พืชเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งเดียวที่สามารถสร้าวน้ำตาลได้ด้วยตัวเอง โดยผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง ซึ่งเริ่มต้นจากการใช้แสงสว่างแล้วดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศผ่านทาง ปากใบ ดูดน้ำจากดินผ่านราก คลอโรฟิล หรือ สารสีเขียวที่ใบก็ดูดซับพลังงานจากแสงสว่างเพื่อพลังงานนี้จะถูกนำไปแยก โมเลกุลน้ำให้กลายเป็นออกซิเจนและไฮโดรเจน และคายแต่ออกซิเจนออกมาในชั้นบรรยากาศ เหลือไว้เพียงไฮโดรเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ที่นำไปผ่านกระบวนการสร้างน้ำตาล ต่อไป การ หายใจ - กระบวนการนี้เกิดจากกระบวนการทำน้ำตาลของพืช ทำปฏิกริยากับออกซิเจนให้เกิดการเผาไหม้ แล้วปลดปล่อยพลังงานและความร้อน แต่ความร้อนที่เกิดขึ้นมีไม่มาก และเกิดขึ้นอย่างช้าๆ พลังงานที่เกิดขึ้นนี้พืชจะใช้ในการดำรงชีวิตต่อไป คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำก้เป็นผลผลิตที่ได้จากกระบวนการหายใจและถูกคายออกมา ในชั้นบรรยากาศ การ คายน้ำ - พืชจะมีการคายน้ำ ออกซิเจน และก๊าซอื่นๆผ่านทางปากใบ ทั้งด้านบน-ด้านล่างของใบ การคายน้ำเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของอากาศรอบๆพืชโดยตรง ช่วงไหนที่พืชมีการคายน้ำมาก ก็เกิดการไหลเวียนของอากาศมากเช่นกันเพราะอุณหภูมิจากการคายน้ำต่างกับอากาศ โดยรอบจึงทำให้เกิดการไหลเวียนของอากาศดังกล่าว ด้วยความสามารถของพืชในการทำให้เกิดการเคลื่อนไหวไหลเวียนของอากาศนี้เอง จึงมีส่วนสำคัญในการดูดสารพิษจากอาคาร บ้านเรือนได้ เพราะปกติอากาศภายในอาคารสำนักงาน ที่เปิดเครื่องปรับอากาศทุกวัน แต่ไม่เคยเปิดหน้าต่างให้อากาศไหลเวียน อากาศภายในอาคารจึงแห้ง มีผลที่ทำให้พืชประดับในอาคาร จำเป็นต้องคายน้ำสูงขึ้น จึงเกิดการเคลื่อนตัวของอากาศที่ปนเปื้อนสารพิษ ลงไปสู่บริเวณรากพืชที่มีจุลินทรีย์อาศัย จุลินทรีย์เหล่านี้จะย่อยสลายก๊าซที่เป็นพิษให้เป็นอาหารและพลังงานพืชต่อไป และอากาศที่เป็นพิษยังถูกดูดซึมผ่านทางปากใบพืช พร้อมถูกส่งต่อไปยังรากของพืชด้วย ซึ่งเจ้าจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ที่รากพืชก็จะทำการย่อยสลายก๊าซพิษเหล่านั้น อย่างแข็งขันต่อไป ปัญหาอากาศภายในอาคารสำนักงาน คุณเคยเป็นอาการเหล่านี้บ้างไหม ระคายเคืองตา จมูก เป็นภูมิแพ้ หอบ หืด เจ็บคอ อ่อนเพลีย เซื่องซึม ผื่นคัน ปวดหัว หายใจขัด เมื่ออยู่ในอาคารสำนักงานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ และจะหายจากอาการเหล่านั้นเมื่อออกจากสถานที่ดังกล่าว อาการทีเกิดขึ้นกับคุณไม่มากก็น้อยนี้ เรียกว่า ?แพ้ตึก? หรือ ?ตึกเป็นพิษ? หรือ Sick Building Syndrome โรคนี้มีจริง และเกิดขึ้นมากในปัจจุบัน บางรายรู้สึกหมดแรง ง่วงเหงาหาวนอน แพ้สารเคมี ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากอาการทางระบบหายใจ โรคแพ้ตึกนี้ เกิดจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่ 1. การระบายอากาศในตัวอาคารไม่ดี 2. ภายในอาคารมีการใช้วัสดุก่อสร้างและตกแต่งจากวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของสารพิษจากสารสังเคราะห์โดยที่เราไม่รู้ตัว 3. ก๊าซพิษที่ปล่อยออกจากตัวคนเอง นอกจาก คาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังมีอีกกว่า 150 ชนิด เช่น ไฮโดรเจน มีเทน แอลกอฮอล์ ไนโตรเจน ฯลฯ |