นั่งรถเมล์"สาย 53"รอบเมือง ชมกรุงรอบเกาะรัตนโกสินทร์

 
  
ป้อมพระสุเมรุและสวนสันติชัยปราการ สถานที่สำคัญที่รถเมล์ 53 แล่นผ่าน
 
 
       แต่ไม่ว่าจะนั่งเที่ยวไหนไปหรือกลับ ก็รับรองว่าจะได้เที่ยวชมเห็นความสวยงามของสถานที่และสีสันต่างๆ ของเมืองกรุงฝั่งพระนครได้เป็นอย่างดี
      
       ฉันจึงเลือกนั่งรอ รถเมล์สาย 53 เส้นทางวัดโสมนัสฯ-รอบเมือง ที่ป้ายตรงข้ามสวนสันติชัยปราการ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ ป้อมพระสุเมรุ 1 ใน 2 ป้อมปราการป้องกันพระนครที่ยังคงเหลืออยู่ เอาไว้ว่างๆ ฉันอาจจะกลับมาลุยกรุงท่องเที่ยวแถวๆ นี้แบบเต็มๆ อีกสักครั้ง เพราะตอนนี้รถเมล์มาจอดรออยู่แล้ว ฉันจึงรีบขึ้นบนรถ มองหาที่นั่งริมหน้าต่าง เนื่องจากรถครีมแดงนี้จะไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม ต้องอาศัยรับลมธรรมชาติเย็นๆ อย่างเดียว
      
       พอจ่ายค่ารถเมล์ 5 บาท ฉันก็เริ่มต้นการนั่งรถเมล์ทัวร์ทันที ซึ่งผ่านบ้านและตึกเก่าบนถนนพระอาทิตย์ แล้วลอดใต้สะพานพระปิ่นเกล้า ผ่านกองการท่องเที่ยวกรุงเทพฯ โรงเรียนนาฏศิลป์ โรงละครแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ สนามหลวง
      
       โอ้โห...นับแทบไม่ทัน ว่าฉันผ่านมากี่สถานที่แล้ว แต่ละที่ก็ล้วนแต่มีรูปทรงอาคารที่สวยงามแปลกตา ทั้งยังมีเรื่องราวและความสำคัญอยู่ในตัวที่หลากหลาย

 
 
บรรยากาศการซื้อขายเหรียญพระและของเก่าที่ริมถนนหน้าพระธาตุ
 
 
       พอรถเลี้ยวผ่านตั้งแต่ถนนหน้าพระธาตุ ท่าพระจันทร์ไปจนถึงท่าช้าง ก็จะเห็นถึงบรรยากาศการซื้อขายของต่างๆ ทั้งเหรียญพระ ทั้งของเก่า รวมถึงของกินอีกสารพัด ส่วนด้านซ้ายมือคือวัดมหาธาตุ วัดเก่าแก่ที่ปัจจุบันมีการเรียนการสอนพระสงฆ์จนถึงระดับปริญญาเอก แล้วพอเห็นทั้งเด็กแนวเด็กอาร์ต เดินกันอยู่เต็ม ก็รู้เลยว่าที่รถกำลังผ่านคือมหาวิทยาลัยศิลปากรนั่นเอง
      
       ฉันตั้งใจว่าจะเที่ยวชมไปเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อน จึงลงรถที่ท่าช้าง ข้ามถนนไปที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว เพื่อชมความงามของวัดพระแก้วและเข้าไปไหว้พระแก้วมรกตเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง เสร็จแล้วก็มาโบกรถชมเมืองกันต่อ โชคดีหน่อยที่วันนี้ อากาศไม่ร้อนมากและบนรถคนก็ไม่แน่น คราวนี้ฉันจึงนั่งรถยาวแบบม้วนเดียวจบ เพื่อเพลิดเพลินกับบรรยากาศสองข้างทางให้เต็มอิ่มไปเลย
      
       จากวัดพระแก้ว ผ่าน พระบรมมหาราชวัง รถเมล์สาย 53 ก็จะแล่นเลียบด้านหลัง วัดโพธิ์ และ ท่าเตียน ซึ่งจะเห็นอาคารห้องแถว สถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ยังคงความงดงาม และยังเป็นตลาดเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีอาหารทะเลแห้งนานาชนิด แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน จุดนี้จะกลายเป็นถนนสายขนมหวาน ที่พ่อค้าแม่ค้า มาซื้อขายแลกเปลี่ยนขนมไทยสารพัน
      
       รถเลี้ยววกวนผ่านโรงเรียนราชินี ผ่านบ้านหม้อซึ่งเป็นแหล่งรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและพวกเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ถือเป็นย่านเก่า จึงได้เห็นบรรดาร้านค้าและบรรยากาศเก่าๆ อยู่เต็มสองฝั่งถนน ศาลาเฉลิมกรุงที่ยังตั้งโดดเด่น แต่ดูเหมือนจะเงียบเหงา ไม่เหมือนร้านกาแฟออนล็อคหยุ่น ที่เห็นยังมีลูกค้านั่งอยู่เต็ม เช่นเดียวกับห้างดิโอลด์ สยาม พลาซ่า ที่ยังพอมีความคึกคักอยู่บ้าง

 
  
เมื่อรถผ่านเยาวราช ก็จะเห็นถึงความคึกคักหลากหลายของผู้คนและสินค้าสารพัน
 
 
       สังเกตว่าความจอแจจะเริ่มมีมากขึ้นเมื่อผ่านคลองถม ตลาดขายของสารพันที่ผู้นิยมของถูกชอบมาเดินซื้อกัน จากนั้นก็ผ่านวัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ ใครสนใจจะแวะลงไหว้เอาฤกษ์เอาชัยก่อนก็ได้ สักพักรถก็แล่นผ่าน เยาวราช ที่ทั้งผู้คนและสินค้าอาหารต่างๆ มีมากมายพอๆ กัน จากนั้นก็เข้าสู่ย่านชอปปิ้งเสื้อผ้าราคาถูก นั่นคือตลาดโบเบ๊ ที่ถึงจะมีเป็นข่าวดังเรื่องมาเฟีย แต่ก็ยังเห็นผู้คนเดินเลือกซื้อเสื้อผ้ากันอย่างขวักไขว่
      
       ระหว่างทางที่รถผ่านมาเรื่อยๆ ถ้าอยากจะอิ่มหนำอาจจะลงที่สะพานขาว แวะตลาดมหานาค ซึ่งเป็นแหล่งขายผลไม้แหล่งใหญ่ หรือจะลงแวะตลาดนางเลิ้ง ตลาดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีที่รวมของกินและขนมหวานน่ากินอยู่เพียบ ก่อนที่จะมาสิ้นสุดปลายทางที่วัดโสมนัสวิหารราชวรวิหาร ซึ่งรถก็จะวิ่งเป็นวงกลมกลับไปตามทางเดิมอีกครั้ง แต่ถ้าใครจะนั่งไปลงตรงตลาดเทเวศร์ก็ต้องไปต่อรถคันข้างหน้าที่จะออก โดยไม่ต้องเสียค่ารถใหม่ แค่ยื่นตั๋วให้ดูอีกทีเท่านั้น
      
       แต่ฉันตัดสินใจลงไปเดินเที่ยวในวัดโสมนัสวิหารฯ ซึ่งเป็นวัดเก่าสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จึงถือโอกาสเข้าไปไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกสักครั้ง เพราะนานๆ ทีจะได้ผ่านมาทางนี้ และถือเป็นการปิดท้ายการเดินทางท่องเที่ยวรอบกรุงอย่างอิ่มอกอิ่มใจ เพราะแค่วันเดียวแต่ฉันก็ได้เที่ยวไปตั้งหลายที่ ด้วยเงินเพียงไม่กี่บาท นับว่าคุ้มมากๆ
      
       แต่ถ้าอยากจะเที่ยวต่อโดยวนไปอีกทางที่เป็นเที่ยวไป ซึ่งเริ่มต้นที่เทเวศร์ เลาะคลองผดุงกรุงเกษมเรื่อยไปจนถึงหัวลำโพง เข้าเยาวราช ผ่านพาหุรัด วนใต้สะพานพุทธ อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 และปากคลองตลาด แล้วมาบรรจบเส้นทางกับรถเที่ยวกลับ ซึ่งก็จะผ่านท่าเตียน วัดโพธิ์ วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง ไปเรื่อยๆ จนถึงถนนพระอาทิตย์ ผ่านสวนสันติชัยปราการ ป้อมพระสุเมรุ บางลำพู และสิ้นสุดที่ตลาดเทเวศร์ แวะหาของกินและดูต้นไม้สวยๆ ก่อนกลับบ้านก็ได้
      
       ถึงแม้เส้นทางรถจะดูวกวน คดเคี้ยวเลี้ยวซ้ายขวาอยู่ตลอด แต่ไม่น่าเชื่อว่ารถจะแล่นผ่านไปได้เรื่อยๆ ไม่มีติดขัดให้รำคาญใจ ถนนแต่ละสายเป็นถนนเก่าแก่สายสั้นๆ ที่ล้วนเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญ ทั้งวัด สถานที่ราชการ สถานศึกษา ตึกและอาคารต่างๆ นับไม่ถ้วน

 
 
สุดปลายทางที่วัดโสมนัสวรวิหารฯ อย่าลืมเข้าไปไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล
 
 
       ใครที่อยากย้อนยุค ชมสถานที่และบริเวณสำคัญของเกาะรัตนโกสินทร์ รวมทั้งสีสันความคึกคักของย่านการค้าแหล่งรวมสินค้าสารพัน และตลาดแหล่งรวมอาหารการกินสารพัด ที่สามารถขึ้นลงรถได้ตลอดเวลา เรียกได้ว่านั่งสาย 53 แค่หนึ่งวัน ก็ได้ทั้งเที่ยว ทั้งกิน ทั้งชอป แบบครบครัน
      
       เป็นการได้สัมผัสทั้งบรรยากาศเก่าและใหม่ผสมผสานกัน ลองเลือกวันที่อากาศดีๆ ไม่เร่งรีบ นั่งเล่นเพลินๆ ท่องเที่ยวไปกับสาย 53 ชมวิวสองข้างทาง แล้วจะรู้จัก "รอบเมือง" ในหลายมุมที่คิดไม่ถึงว่าจะมีความน่าสนใจถึงเพียงนี้ รับรองว่าได้ทั้งความสนุก ทั้งความประทับใจ แบบล้นปรี่แน่ๆ
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       รถเมล์สาย 53 วงกลมรอบเมือง เริ่มวิ่งตั้งแต่เวลา 04.30 -22.30 น. ค่าโดยสาร 5 บาทตลอดสาย
      
       เที่ยวไป ตลาดเทเวศร์ ไปตามถนนกรุงเกษม เรื่อยไปถึงถนนเยาวราช ผ่านถนนจักรวรรดิ์ ถนนจักรเพชร ถนนพาหุรัด ถนนตรีเพชร วนพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระพุทธฯ ผ่านปากคลองตลาดไปตามถนนมหาราช ถนนพระจันทร์ ถนนหน้าพระธาตุ ถนนราชินี ผ่านถนนพระอาทิตย์ ถนนจักรพงษ์ ถนนกรุงเกษม สุดเส้นทางที่เทเวศร์
      
       เที่ยวกลับ หน้าวัดโสมนัสฯไปตามถนนกรุงเกษม เรื่อยไปถึงถนนสามเสน ถนนจักรพงษ์ เลี้ยวขวาไปตามถนนพระสุเมรุ ถนนพระอาทิตย์ ถนนราชินี ถนนหน้าพระธาตุ ถนนพระจันทร์ ถนนมหาราช เรื่อยไปถึงถนนตรีเพชร ถนนเจริญกรุง ถนนมิตรพันธ์ ถนนหลานหลวง ถนนพลับพลาไชย ถนนบำรุงเมือง ถึงถนนกรุงเกษม จนสุดเส้นทางที่หน้าวัดโสมนัสฯ