จากการที่คณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) มีนโยบายสร้างผู้ประกอบการใหม่ โดยนำเอาสินค้าจากโรงเรียนอาชีวะสร้างให้เป็นธุรกิจมากขึ้น โดยมี เป้าหมายที่จะสร้างธุรกิจใหม่จากรั้วอาชีวะให้ได้ปีละ 10 ธุรกิจ แน่นอนว่า จากงานมหกรรมรัฐบาลสร้างอาชีพที่เมืองทองธานีเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เราพบแล้ว 5 ธุรกิจ จาก 5 สถาบันที่น่าสนใจ เอี่ยมละออกาแฟ 100 ปี ลูกค้าวันละ 1,000 คน หนึ่งในแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากลูกค้า ตั้งแต่ยังไม่เปิดเป็นแฟรนไชส์เลย แต่เมื่อเปิดตัวในงานมหกรรมอาชีพที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีคนต่อคิวยาวตั้งแต่วันแรกที่เปิดเลยก็คือ กาแฟโบราณสูตร 100 ปีของวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอี่ยมละออ มีคนมาเยี่ยมบูทในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 1,000 คน อาจารย์สุดถวิล คุณีย์พันธุ์ ผู้คิดสูตรกาแฟโบราณ 100 ปีกล่าวว่า สูตรกาแฟเป็นการปรับปรุงมาจากสูตรสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตกทอดมาตั้งแต่สมัยคุณย่ามาถึงคุณแม่ และมาที่ตัวของอาจารย์ก่อนจะใช้เวลาอีก 2 ปีปรับรสชาติให้ถูกคอคนยุคดิจิทัล สูตรของอาจารย์ถูกปากคนไทยเพราะกาแฟมีกลิ่นหอมและรสชาติ แหลมตามแบบฉบับของกาแฟแบบโบราณ มีส่วนผสมของถั่วเหลืองและข้าวฟ่างลงไปด้วยในสัดส่วนที่พอเหมาะ จากนั้นก็จะต้องใช้ความร้อนสูงเพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นของกาแฟหอม เมื่อผสมกับนมก็จะได้รสชาติกาแฟแหลมกลมกล่อมตามแบบฉบับกาแฟโบราณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอี่ยมละออทดลองใช้สูตรนี้ขายที่วิทยาลัย จนกระทั่ง ทางสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาเข้ามาทำโครงการพัฒนาให้เป็นแฟรนไชส์ต้นแบบของอาชีวศึกษาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา อนาคตของร้านกาแฟยังจะเพิ่มแซนด์วิช 12 ไส้ที่ทดลองวางขายที่กระทรวงศึกษาฯไปบ้างแล้ว และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทุกวันนี้ที่ร้านและที่วิทยาลัยมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อวันเลยทีเดียว สำหรับระบบแฟรนไชส์เงื่อนไขของกาแฟโบราณมีค่าแฟรนไชส์ 30,000 บาท (ระยะสัญญา 3 ปี) ค่าอบรมเทคนิคชงกาแฟพร้อมเทคนิคการขาย 9,000 บาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 10,000 บาท เบ็ดเสร็จรวมแล้วใช้เงินลงทุนประมาณ 49,000 บาท ประมาณการว่าถ้าขายได้วันละ 100 แก้ว แก้วละ 10 บาท จะมีกำไรไม่ต่ำกว่าวันละ 400 บาท หรือกำไร 40 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องเข้าอบรมเรื่องเคล็ดลับในการชงกาแฟที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอี่ยมละออ โดยมีเงื่อนไขเดียวคือผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องซื้อกาแฟสูตรโบราณจากที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอี่ยมละออเท่านั้น โรตีกรอบจากอาชีวศึกษาปัตตานี รายนี้นับว่าประสบความสำเร็จไม่แพ้รายแรก ด้วยรสชาติหวานมันกรอบอร่อย มีคนต่อคิวสอบถามไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 ราย ในงานมหกรรมรัฐบาลสร้างอาชีพที่ผ่านมาสูตรโรตีกรอบเปิดตัวเมื่อปี 2546 ภายใต้ตราครัวอาชีวะ และได้ทดลองออกไปจำหน่ายตามงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง อาทิ ภูเก็ต กระบี่ และยังไปจำหน่ายถึงพระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ มาแล้ว ความสำเร็จขั้นต้นทำให้โรตีกรอบกลายเป็นแฟรนไชส์ที่คณะกรรมการการอาชีวศึกษาเลือกมาเป็นต้นแบบสำหรับแฟรนไชส์อาชีวศึกษาในวันนี้ โรตีของที่นี่มีจุดเด่นตรงที่คงความกรอบได้นาน 1 เดือนหากเก็บไว้ในที่ที่มีภาชนะปิดสนิท ทำให้ผู้ที่ซื้อแฟนไชส์มีระยะเวลาในการขายนานกว่าอาหารประเภทอื่นๆ สำหรับการลงทุนของโรตีกรอบมี 2 แบบคือ แบบที่ 1 ขนาดมาตรฐาน เงินลงทุน 89,500 บาท คิดเป็นค่าแฟรนไชส์พร้อมอบรม 25,000 บาท ค่ารถเข็นพร้อมกระทะและเตาขนาดใหญ่ ป้ายชื่อร้านและค่าประชาสัมพันธ์รวม 32,500บาท ค่าอุปกรณ์อื่นๆ 32,000 บาท ประกอบไปด้วยเครื่องผสมแป้ง เครื่องปิดปากถุง ตราชั่ง ตะหลิว ปากคีม มีด ฯลฯ ระยะเวลาในการคืนทุนหากขายขั้นต่ำวันละ 200 แผ่น แผ่นละ 10 บาท จะคืนทุนภายใน 2 เดือนครึ่ง การลงทุนในแบบที่ 2 ลงทุนขนาดจิ๋วใช้เงินลงทุน 11,535 บาท ค่าแฟรนไชส์ 10,000 บาท วัตถุดิบ 1,535 บาท ประกอบด้วยค่าซองเครป ค่าขนส่ง (กรุงเทพฯ ปัตตานี) น้ำตาลทราย นมข้น และแป้งโรตี หากจำหน่ายได้วันละ 200 แผ่น จะคืนทุนภายใน 1 เดือน ข้าวเกรียบปากหม้อ แฟรนไชส์ขนมเปี๊ยะ แฟรนไชส์ข้าวเกรียบปากหม้อนพเก้า จากวิทยาลัยอาชีวนครปฐม จุดเด่นตรงเป็นข้าวเกรียบสมุนไพร มีใบเตย ดอกอัญชัน งา ฟักทอง และแคร์รอต ฯลฯ เป็นส่วนผสมในไส้ ทำให้รสชาติแปลกไปกว่าข้าวเกรียบแบบอื่น และยังเป็นอาหารว่างแบบไทยๆ อีกด้วย ก่อนหน้าจะเข้าในโครงการแฟรนไชส์ วิทยาลัยมีลูกค้าเป็นร้าน โรงแรมแถวๆ นั้นที่ขอให้ทางวิทยาลัยทำขนมไทยและของว่างไทยๆ สำหรับใช้ในงานจัดเลี้ยงต่างๆ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี พอเข้าสู่โครงการแฟรนไชส์ มีคนที่เข้ามาทดลองชิม ซื้อ และเอาโบรชัวร์กลับไปกว่าวันละ 2,000 ราย สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องแฟรนไชส์ การลงทุนโดยประมาณ 28,300 บาท ประกอบไปด้วยค่าแฟรนไชส์ฟี 20,000 บาท สัญญา 2 ปี ค่าอบรม 3,000 บาท ค่าวัสดุ 5,300 บาท หากขายได้วันละ 1,600 บาท 40 วันสามารถที่จะคืนทุนได้แล้ว สำหรับขนมเปี๊ยะหวานอร่อยจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี รายนี้ ผู้สนใจแฟรนไชส์ใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 79,000 บาท ประกอบไปด้วยค่าแฟรนไชส์ 30,000 บาท สัญญา 2 ปี ค่าอบรมครั้งแรก 3,000 บาท ค่ารถเข็นพร้อมเตาปิ้งขนมเปี๊ยะ 42,000 บาท และค่าอุปกรณ์อื่นๆ อีก 4,000 บาท ประกอบไปด้วย ตาชั่ง อ่างผสม ที่ตัดแป้ง ไม้คลึงแป้ง ถาด ฯลฯ แบบที่ 2 เงินลงทุน 48,000 บาท ประกอบไปด้วย ค่าแฟรนไชส์ 30,000 บาท ค่าฝึกอบรม 3,000 บาท ค่าป้ายไป 5,000 บาท ค่าเตาผิงขนมเปี๊ยะ 6,000 บาท รวมอุปกรณ์อื่นๆ อีก 4,000 บาท ระยะเวลาในการคืนทุน หากขายขั้นต่ำวันละ 300 ชิ้น ชิ้นละ 6 บาท ใน 1 เดือนมีรายได้ 21,600 บาท ภายใน 6 เดือนจะมีรายได้ประมาณ 129,600 บาท อาหารกล่องสำเร็จรูปขายตรง จากสารพัดช่างนครหลวง อาหารกล่องจากสารพัดช่างนครหลวง จำหน่ายสำหรับงานสัมมนา งานประชุม จัดเลี้ยง กีฬา และเหมาะสำหรับการสั่งไปเดินทางท่องเที่ยว อาหารมี 3 รูปแบบคือ ข้าวกับอาหาร 1 อย่าง ราคา 25 บาท ข้าวกับอาหาร 2 อย่าง ราคา 30 บาท และข้าวกับอาหาร 2 อย่างและเบเกอรี่ ผลไม้ ราคา 35 บาท ระบบข้าวกล่องสารพัดช่างนครหลวง เป็นระบบขายตรง โดยทางโรงเรียนเป็นผู้ผลิตและควบคุมคุณภาพของข้าวกล่อง มีเซลส์เป็นผู้เดินตลาด แจกโบรชัวร์และรับออร์เดอร์ตามอาคารสำนักงานต่างๆ จุดเด่นคือ เป็นข้าวกล่องที่ปรุงสำเร็จภายในวันนั้น ไม่ใช่อาหารแช่แข็ง รวมทั้งราคาต่อกล่องก็ถูกกว่า และมีแพ็กเกจจิ้งดึงดูดใจกว่าข้าวแกงธรรมดาด้วย ผอ.สุกุล สุวรรณธาดา กล่าวว่า มีออร์เดอร์จากกระทรวงศึกษาฯวันละประมาณ 300 กล่อง และออร์เดอร์จากที่อื่นๆ รวมไปแล้วตอนนี้มีออร์เดอร์ราว 1,000 กล่องต่อวันที่จำหน่ายออกไป ผอ.สุกุล สุวรรณธาดา กล่าวว่า เซลส์ที่เป็นนักศึกษาจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์จากยอดขาย คิดง่ายๆ ถ้ารับออร์เดอร์วันละ 500 กล่องต่อคนต่อวัน จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 3,500 บาทต่อวันเลยทีเดียว ระบบนี้ไม่ได้ขายแฟรนไชส์แต่เป็นการสร้างอาชีพโดยมีวิทยาลัยเป็นคนผลิต และนักศึกษาเป็นคน ทำตลาด เผลอๆ รายได้ดีกว่าระดับผู้จัดการอีกนะ
|
