เที่ยวไทย สุขใจเสริมมงคล ยลสมุทรสงครามสักการะพระคู่เมือง

      “สมุทรสงคราม” ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศไทย ในความเล็กของขนาดพื้นที่ แต่กลับอุดมด้วยวิถีชีวิตไทยดั้งเดิมที่ผูกพันกับสายน้ำ ทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม บางช่วงเวลาน้ำทั้งสองมาเจอกัน เกิดน้ำกร่อย ก่อระบบนิเวศพิเศษมีสัตว์และพืชเฉพาะถิ่น เช่นหิ่งห้อยบนต้นลำพู พบเห็นได้ ใน อ.อัมพวา
 
อิทธิพลของน้ำต่างชนิด ทำให้ดินแดนแห่งนี้อุดมไปด้วยอาหารอร่อย เช่น เมนูหอยหลอดที่หากินไม่ได้ในจังหวัดอื่น ผลไม้หลากชนิด ทั้งลิ้นจี่ ส้มโอ มะพร้าว ตลอดจนชีวิตแบบชาวสวนเรียบง่ายจาก อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้สมุทรสงครามจึงรักษาชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์มานานนับ 10 ปี
 
สมุทรสงครามยังคงสภาพชนบทอยู่มาก แม้บางมุมของเมืองจะประดิษฐ์เติมเสริมขึ้นมาบ้าง เพื่อรับกับบรรยากาศท่องเที่ยว แต่โดยรวมแล้วทั้งมุมเก่ากับมุมแต่งขึ้น คือเรื่องราวเดียวที่ร้อยกันไปได้
 
เวลานี้ ตลาดน้ำอัมพวา กำลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตติดลมบน ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์มีเหล่านักท่องเที่ยวจาก  กรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง พร้อมใจมาเดินเบียดเสียดเลือกซื้อหาของกิน ของใช้  ในบรรยากาศตลาดน้ำสุดคลาสสิก
 
อีกมุมมอง สมุทรสงครามยังเป็นดินแดนของวัดและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พุทธศาสนิกชนนิยมเคารพสักการะขอพร เฉกเช่นการเดินสายไหว้พระ 9 วัดใน จ.พระนครศรีอยุธยา
 
วัด และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน จ.สมุทรสงคราม ส่วนใหญ่มีที่ตั้งอยู่ริมน้ำแม่กลอง และยังกระจัดกระจายตามชุมชนแต่ละแห่งที่ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมง หากเลือกเดินทางท่องเที่ยวแบบวิถีพุทธ สามารถไหว้พระ ครบ 9 วัดได้ในวันเดียว ยังมีเวลาเหลือ เผื่อไปเดินเล่นกินบรรยากาศที่ตลาดน้ำอัมพวาได้อีก
 
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เลือกจ.สมุทรสงครามเป็นจังหวัดนำร่องในโครงการ “เที่ยวทั่วไทย สุขใจเสริมมงคล” โครงการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ภายใต้แคมเปญหลัก “เที่ยวไทยให้สนุก เติมความสุขให้ชีวิต ด้วยความร่วมมือจาก อาจารย์คฑา ชินบัญชร นักพยากรณ์ผู้ มีความเชี่ยวชาญด้านศาสนาและวัฒนธรรม ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของโครงการนี้
 
ตามโปรแกรมวัดแรกที่ได้เข้าสักการะ คือ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือวัดบ้าน  แหลม ตามประวัติกล่าวไว้ว่า ชาวบ้านแหลมส่วนใหญ่มีอาชีพชาวประมง ออกไปลากอวนแล้วพบพระพุทธรูปติ
ดอวนขึ้นมา 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปนั่ง อีก  องค์หนึ่งประทับยืน พระพุทธรูปนั่งนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี
 
พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรนี้สูงประมาณ 167 ซม. นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลมแห่งนี้ ชาวบ้านในจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียง มักมาขอพรให้เดินทางปลอดภัยทั้งทางรถและเรือ โดยมีเครื่องสักการะยอดนิยมได้แก่ “ไข่ต้ม”
 
“อยู่คงอย่างแช่มชื่นและต่อเนื่อง”  คำคล้องจองที่ไกด์กิตติมศักดิ์ อ.คฑา ชินบัญชร เอ่ยกับลูกทัวร์ถึงความต่อเชื่อมโยงกันถึงวัดถัดไปที่จะไป “วัดบางกะพ้อม” ที่ประดิษฐาน หลวงพ่อคง เกจิอาจารย์ชื่อดังพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแช่ม สมัยที่ท่านหลวงพ่อคงมีชีวิตอยู่ ท่านมักน้อย สันโดษ และมีเมตตาธรรมสูง
 
ท่านมีญาณพิเศษล่วงรู้อะไรเกินกว่าคนธรรมดา และชื่อเสียงอีกด้านใช้พุทธคุณในการรักษาโรค ใครที่มานมัสการหลวงพ่อคง เมื่อได้จับก้อนหัวใจปั้นสีดำ จะได้อานิสงส์ด้านอยู่ยงคงกระพันด้วย
 
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลายแห่งนี้ อยู่ที่วิหารก่ออิฐ ถือปูนสถาปัตยกรรมจีน หน้าบันเป็นลายปูนปั้นแบบจีน ประตูทางเข้าเป็นทรงกลมเหมือนบ้านจีนโบราณ
 
ภายในมีปูนปั้นด้วยมือ ลวดลายแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ มีภาพอัศจรรย์เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จดับขันธปรินิพพาน ได้แสดงอภินิหารโดยโผล่พระบาทออกมา นอกจากนี้กลางวิหารยังประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองขนาดใหญ่ซ้อนกันสี่รอยลดหลั่นกันไป
 
ออกจากวัดบางกะพ้อมต่อไปยัง วัดจุฬามณี สร้างขึ้นเมื่อสมัยอยุธยาตอนปลาย มีความเชื่อมโยงกันเพราะวัดนี้ยังประดิษฐานสังขารไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อเนื่อง และรูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม ศิษย์ หลวงพ่อคง ทั้ง หลวงพ่อเนื่อง และ หลวงพ่อแช่ม ได้  ร่ำเรียนพุทธานุคมและวิปัสสนากรรมฐาน หลังจากหลวงพ่อแช่มมรณภาพไป หลวงพ่อเนื่องก็ได้เป็นสมภาร
 
ว่ากันว่าสังขารไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อเนื่อง ก็ด้วยวิชาอยู่ยงคงกระพันของ หลวงพ่อคงและหลวงพ่อแช่มที่ตกผลึก อยู่ในตัวหลวงพ่อเนื่อง เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจชาวพุทธถึงความไม่เที่ยงของสังขาร
 
กุฏิทรงไทยที่ประดิษฐานสังขารหลวงพ่อเนื่องนั้นงดงามยิ่งนัก ภายในเขียนลายรดน้ำ กับลายกำมะลอไว้เปรียบเทียบกัน เพื่อสอนเชิงช่างโบราณให้เห็นว่า ลายรดน้ำนั้นใช้เพียงสีทองและสีดำเท่านั้น ส่วนลายกำมะลอนั้น แต่งแต้มสีอื่นเพิ่มเติมเข้า   ไปด้วย
 
วัดที่ถัดมาห่างกันแค่ขับรถไม่ถึง 20 นาที “วัดบางแคใหญ่” ตั้งอยู่ริมน้ำแม่กลอง มีพระอุโบสถหลังใหญ่อายุกว่า 150 ปี กุฏิสงฆ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนด้วยฝุ่นผสมกาว
 
วัดริมแม่น้ำแม่กลองอีกแห่ง วัดภุม   รินทร์กุฎีดาว สิ่งน่าสนใจในวัดคือกุฎีทอง ทำด้วยไม้สักทอง มีประวัติเล่าว่า คุณนาค ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็น สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1 ในวัยสาวบิดาได้ให้ พระครูปลัดทิม ตรวจดูดวงชะตา ท่านทำนายว่าหญิงชาวบ้านผู้นี้มีบุญบารมี จะได้เป็นราชินี ตอนนั้นบิดาคุณนาคไม่เชื่อ โดยให้สัญญาว่าหากเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวายวัด 
 
จบมื้อกลางวัน เรามุ่งหน้าไปสักการะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่อ วัดต่อมาคือ วัดบางแคน้อย มีโบสถ์ไม้แกะสลักไม่ใช่แค่สวยงามอย่างเดียว ยิ่งใหญ่ด้วย เมื่อสาวเท้าเข้ามาในโบสถ์แล้วก้มมองลงพื้น จะพบกับความใหญ่ของพื้นไม้ตะเคียน ขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 15 เมตร ผนังภายในโบสถ์ปิดด้วยไม้แกะสลักเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ เป็นสกุลช่างจาก จ.เพชรบุรี
 
“ค่ายบางกุ้ง” อยู่ที่เดียวกับ วัดบางกุ้ง หนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ โบสถ์เก่าที่มีต้นไม้ 4 ชนิดคือ โพธิ์ ไทร ไกร กร่าง ชาวบ้านเรียกว่า “โบสถ์ปรกโพธิ์” ปกคลุมโบสถ์ทั้งหลัง ภายในเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อดำ มีที่มาจากดวงเนตรของท่านที่เป็นนิล แต่ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้ว
 
อานิสงส์ของการไหว้สักการะหลวง  พ่อดำ สอดคล้องกับต้นไม้ดังกล่าวด้วยเชื่อว่าจะมีวาสนาบารมีเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของคนทั่วไป อีกทั้งจะมีชื่อเสียงเกริกไกร ได้เป็นใหญ่เป็นโต
 
หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่ง แต่ ต่างศาสนาคือ อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก โบสถ์คาทอลิกแห่งนี้สร้าง ในสถาปัตยกรรมแบบโกธิกของฝรั่งเศส ภายในประดับกระจกสีสวยงดงาม สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2433 ใช้เวลาสร้างถึง 6 ปี  การเข้าชมนั้น หากต้องการวิทยากรบรรยายติดต่อได้ที่ 0-3476-1347
 
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สุดท้ายในวันนี้คือ วัดอัมพวันเจติยารม สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 หลังวัดแห่งนี้เคยเป็นนิวาสสถานเก่าของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ภายในโบสถ์มีเรื่องราวพุทธประวัติ และภาพลายฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระสรีรังคารของสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาล ที่ 2 ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 สร้างถวายพระชนก
 
ขอพรพระอิ่มบุญอิ่มใจแล้ว ต่อไปเชิญไปอิ่มหนำสำราญกับอาหารรสเลิศ ราคาถูก ณ ตลาดน้ำยามเย็น อัมพวา กันได้เลย...เที่ยวไทย สุขใจเสริมมงคล จิตเบิกบานตามแบบวิถีพุทธ เกิดได้หากเปิดใจรับฟังและเรียนรู้.