ผู้มีรายได้น้อย ลูกค้าที่ไม่มีเงินออมเฮ ธอส.เล็งปล่อยกู้เต็ม 100% ไม่ต้องวางเงินดาวน์ หลังคลังหนุนตั้งบริษัทประกันสินเชื่อรับความเสี่ยงแทน "ไชยยศ สะสมทรัพย์" สั่งเดินหน้าผุดบริษัทร่วมทุนให้ทันเปิดให้บริการในปีนี้ เปิดทางให้เอกชนทั้งไทย-ต่างชาติถือหุ้นข้างมาก 51% เพื่อความคล่องตัว เผยผู้ประกอบการสนใจร่วมทำธุรกิจตรึม ประเดิมลงขันเบื้องต้นพันล้าน นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยความคืบหน้าของการจัดตั้งบริษัทรับประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือมอร์ตเกจอินชัวรันซ์ (Mortgage insurance : MI) ว่า หลังจาก ธอส.ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นกับ Canda Mortgage And housing Corporation (CMHC) ) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เชี่ยวชาญในธุรกรรมการประกันเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยจากประเทศแคนาดา เพื่อศึกษารูปแบบผลิตภัณฑ์ในการให้บริการ รวมทั้งความเป็นไปได้ในการจัดตั้งโครงการดังกล่าวเมื่อปลายปีที่แล้ว ล่าสุดได้ข้อสรุปว่า โครงการดังกล่าวควรจัดตั้งในรูปแบบบริษัทร่วมทุนระหว่างเอกชนกับรัฐบาล ในสัดส่วน 51:49 ทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 600-1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนของเอกชนที่จะเข้ามาร่วมทุนสามารถเปิดให้บริษัทต่างชาติเข้าถือหุ้นได้ในสัดส่วน 25% ส่วนที่เหลือ 26% ให้ถือโดยผู้ประกอบการในประเทศ "สาเหตุที่ให้มีการจัดตั้งในรูปของบริษัท เป็นเพราะจะทำให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานมากกว่าวิธีการอื่น อีกทั้งหากให้รัฐบาลถือหุ้นเกิน 49% ก็จะเข้าข่ายเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ การทำงานก็จะไม่คล่องตัว" นายขรรค์ กล่าวและว่า สำหรับเงื่อนไขของผู้ร่วมทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุน จะต้องเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านมอร์ตเกจอินชัวรันซ์ เพื่อที่ไทยจะได้ศึกษารูปแบบการดำเนินงาน (โนว์ฮาว) และนำมาปรับปรุงหรือประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย ส่วนเอกชนไทยที่จะเข้ามาร่วมทุนจะต้องเป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประกันภัยแบบโมโนไลน์ คือต้องมี ไลเซนส์ในการทำธุรกิจประกันสินเชื่อบ้าน ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มีการให้บริการในรูปแบบดังกล่าว มีเพียงหมวดประกันภัย การประกันชีวิต และเบ็ดเตล็ดเท่านั้น ดังนั้นการให้บริการประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะอยู่ในหมวดเบ็ดเตล็ด "เรื่องนี้ท่านไชยศ (นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง) ต้องการให้ ธอส.หาผู้ร่วมทุนให้ได้ภายใน 3 เดือน และจัดตั้งบริษัทและดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยภายในปีนี้ ซึ่งขณะนี้มีบริษัทต่างชาติและเอกชนได้แสดงความสนใจและเสนอตัวเข้ามาแล้วหลายรายด้วยกัน" นายขรรค์กล่าวว่า หากมีการจัดตั้งบริษัทประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำเร็จ จะทำให้ประชาชนที่ไม่มีเงินออมแต่มีรายได้ประจำมีโอกาสที่จะซื้อบ้านเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น โดยสามารถกู้ซื้อบ้านได้เต็ม 100% ของวงเงินค่าบ้าน ไม่ต้องวางเงินดาวน์ เนื่องจากบริการดังกล่าวจะช่วยประกันความเสี่ยงทางการเงินให้กับสถาบันที่ปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะวงเงินกู้ที่มี LTV (loan to value ratio) สูง คือ หากผู้กู้มีการค้างชำระหนี้ หรือธนาคารไม่สามารถเรียกเก็บเงินงวดจากผู้กู้ได้ ธนาคารที่ปล่อยกู้ก็จะเรียกร้องให้บริษัทประกันรับผิดชอบในการจ่ายหนี้ค้างเต็มจำนวน หรือบางส่วน โดยผู้กู้จะเป็นผู้จ่ายค่ากรมธรรม์ให้กับบริษัทที่รับประกันสินเชื่อ และธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อจะเป็นผู้รับประโยชน์กรณีเกิดปัญหา สรุปได้ว่าการประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหรือ มอร์ตเกจอินชัวรันซ์ (Mortgage insurance : MI) จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยและผู้ไม่มีเงินออมอย่างมาก เพราะจะสามารถกู้ซื้อบ้านได้ 100% และกู้ได้เร็วขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงของธนาคารที่ปล่อยกู้จะลดลง เพราะมีบริษัทประกันในฐานะบุคคลที่ 3 เข้ามาทำหน้าที่ประกันความเสี่ยงกรณีเกิดปัญหาหนี้สูญ นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนามาตรฐานสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้นทั้งในทางตรงและทางอ้อม และช่วยให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมไปถึงการประเมินราคาหลักทรัพย์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่มีเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (secondary mortgage market) เนื่องจากเงินกู้ที่มีการประกันจะมีเครดิตมากขึ้นในการขายต่อกับตลาดรองฯ และการทำธุรกรรมแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (securitization) เพราะผู้รับซื้อและผู้ลงทุนในตราสารเห็นว่าเงินกู้ที่มีการประกัน ทำให้มีความเสี่ยงในหนี้น้อยลง |