ที่สุดกับ“สิ่งมหัศจรรย์ของโลก”

  
 
       เทวรูปโคโรสซูส แห่งเกาะโรดส์ ประเทศกรีซ
      
       เป็นเทวรูปของเทพเจ้าแห่งศิลปของชาวกรีก ซึ่งมีพระนามว่า "โคโลสซูส" หรือ เทพเจ้าอพอลโล ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวกรีกโบราณ หล่อด้วยทองสำริดในท่ายืนสูง 100 ฟุต มือขวาถือประทีป ยืนถ่างขา คร่อมปากอ่าวให้เรือสินค้าลอดผ่านไปมาได้ กษัตริย์ชาเรสแห่งลินดัส เป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อ 280 ปีก่อนคริสตกาล หลังจากก่อสร้างได้ 60 ปี ก็พังทลายลงเพราะเหตุเผ่นดินไหวเมื่อ 224 ปีก่อนคริสตกาล สิ่งมหัศจรรย์อันล้ำค่าชิ้นนี้นี้จึงสูญสลายไป อย่างน่าเสียดายเหลือไว้แต่เพียงความทรงจำเท่านั้น
      
       เทวรูปเทพเจ้าซีอุส แห่งเมืองโอลิมเปีย ประเทศกรีซ
      
       เป็นอนุสาวรีย์ซึ่งแกะสลักด้วยงาช้างจำนวนมากนำมาประกอบกันเป็นรูปเทพเจ้าซีอุส หรือ "จูปิเตอร์" สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 53 - ค.ศ. 111 เป็นเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวกรีกโบราณให้ความเคารพนับถือมากที่สุด และนับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์เก่าแก่นับเป็นต้นกำเนิดแห่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแห่งหนึ่ง แต่เทวรูปนี้ได้พังทลายลงเพราะแผ่นดินไหว ปัจจุบันจึงหาซากหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไม่ได้แล้ว นอกจากในภาพวาดและภาพในเหรียญโบราณ
      
       มหาวิหารเดียนา หรือมหาวิหารอาร์เทมิส แห่งเมืองเฟฟิอุส ประเทศกรีซ
      
       เป็นวิหารที่สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนเพื่อถวาย เทพเจ้าอาร์เทมิส ผู้มาจากสรวงสวรรค์ เป็นผู้ช่วยให้ชาว เมืองพ้นจากความหายนะ และภัยพิบัติทั้งปวง ไม่ปรากฎปีที่สร้าง นับว่าเป็นวิหารที่สวยงามที่สุดในยุคโบราณ แต่ได้ถูกทำลายโดยพวกโกธ จากเยอรมัน ที่บุกเข้ามาโจมตี เมื่อ ค.ศ. 262 ซึ่งในปัจจุบัน เหลือเพียงซากของเสาหินอ่อนที่ตั้งตระหง่าน สามารถมองเห็นถึงอารยธรรมที่เก่าแก่ และความรุ่งเรืองของกรีซในยุคอดีต เป็นการรวมงานศิลปะและสถาปัตยกรรมที่เข้ากันได้อย่างดี ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยว เข้ามาเยี่ยมชมวิหารเเห่งนี้อยู่ตลอดเวลา
      
       สวนลอยเห่งกรุงบาบิโลน เมืองแบกแดด ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส ประเทศอิรัก
      
       นับเป็นสถานที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ เพราะสร้างขึ้นเหนือพื้นดินบนพื้นที่กึ่งทะเลทราย ก่อเป็นเนินสูงซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้นๆ สูงถึง 100 ฟุต แต่ละชั้นสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก และปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก พระเจ้าเนบูซาด์เนซซาร์ เป็นผู้สร้าง เมื่อประมาณ 600 ปีก่อนคริสตกาล เพื่อเป็นสวนที่ประทับของพระองค์และพระมเหสี ปัจจุบันสวนลอยบาบิโลนแห่งนี้ได้พังทลายสูญสิ้นไปไม่เหลือไว้แม้แต่ซาก สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่นั้นก็มีเพียงแต่ นิยายและคำเล่าลือถึงความสวยงามเท่านั้นเท่านั้น
      
       หอประภาคารฟาโรส แห่งเมืองอเล็กซานเดรียน ประเทศอียิปต์
      
       ตั้งอยู่บนเกาะฟาโรสริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตัวอาคารสร้างด้วยลายหินอ่อนสีขาวสลักลวดลายวิจิตรงดงาม สูงประมาณ 400 ฟุต ทางขึ้นเป็นบันไดวนไปจนถึงยอดซึ่งมีตะเกียงแก๊สขนาดใหญ่ที่ให้แสงสว่างเจิดจ้า แต่ประภาคารแห่งนี้ได้พังทลายลงเมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 13 จึงไม่มีอะไรเหลือไว้ให้เป็นอนุสรณ์
      
       สุสานมุสโซเลียม แห่งเมืองฮาลินาซัส ประเทศเปอร์เซีย
      
       นับเป็นสุสานที่ถือกันว่ามีความสวยงามที่สุดในโลก สร้างขึ้นในราว ค.ศ. 156-190 โดยพระนางอาเตมีเชีย พระมเหสีของพระเจ้ามุสโซลุส เพื่อใช้เป็นที่ฝังศพของพระสวามี วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นหินอ่อนล้วน สุสานแห่งนี้ได้พังทลายลงหมดสิ้นเมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหว ในคริสต์ศตวรรษที่ 12-13 เหลือ ไว้แต่ซากปรักหักพังบางส่วนที่ พิพิธภัณฑ์บริติชมิวเซียมของอังกฤษ ได้นำชิ้นส่วนเหล่านั้นมาเก็บอนุรักษ์ ไว้เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้มีโอกาสศึกษา
      
       มหาปิรามิด แห่งเมืองกิเซห์ ประเทศอียิปต์
      
       เป็นสถานที่เก็บพระบรมศพของกษัตริย์แห่งอียิปต์โบราณ มีลักษณะเป็นกรวยเหลี่ยม ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทะเลทรายอันร้อนระอุ และหนาวเย็นในเวลากลางคืน ปิรามิดที่ได้รับการยกย่อง ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้แก่ ปิรามิดเป็นที่บรรจุพระบรมศพของ พระเจ้าคีออปส์ (CHEOPS) หรือ คูฟู ซึ่งพระองค์เป็นผู้สร้างขึ้นเองเมื่อก่อนคริสตกาลประมาณ 3,500 ปี นับอายุจนถึง ปัจจุบันก็กว่า 5,000 ปีล่วงมาแล้ว ถือเป็นปิรามิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อยูที่กลางทะเลทรายห่างจากกรุง ไคโรเมืองหลวงแห่งอียิปต์ปัจจุบันประมาณ 4 ไมล์
      
       ปิรามิดแห่งนี้เดิมสูง 481.4 ฟุต แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 450 ฟุต ฐานกว้าง 768 ฟุต ใช้ทรายตัดเป็นแท่งรูปสามเหลี่ยมหนักประมาณก้อนละ 2 ตันครึ่ง บางก้อน หนักถึง 16 ตัน โดยการนำเอามาซ้อนกันขึ้นไปเป็นทรงกรวยปิรามิด ซึ่งต้องใช้หินไม่น้อยกว่า 2,500,000 ก้อน รวมน้ำหนักกว่า 6,000,000 ตัน ฐานกินเนื้อที่ถึง 12 เอเคอร์หรือราว 20 ไร่ เชื่อกันว่าปิรามิดองค์นี้จะ ทนแดดทนฝนอยู่ได้อีกนานกว่า 5,000 ปี
      
       สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 7 อย่าง สมัยโบราณเป็นผลงานของมนุษย์ทางด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรมและศิลปะที่ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะสร้างขึ้นมาได้ในยุคสมัยเริ่มแรกอารยธรรมของโลกในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ในอียิปต์ ถึงยุคความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีกโบราณ และยุคสมัยอาณาจักรโรมันเรืองอำนาจ
      
       ปัจจุบัน สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ 6 ใน 7 แห่ง คงเหลือไว้เฉพาะชื่อ และร่องรอยหลักฐาน หรือแบบจำลองเท่านั้น คงเหลือแต่ปิรามิด ประเทศอียิปต์ ที่ยังคงยืนหยัดโดดเด่นเป็นสง่าท้าทายกาลเวลาให้มนุษย์ยุคปัจจุบันได้ชื่นชม
      
       แต่สำหรับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางและยุคปัจจุบันนั้นยังคงหลงเหลือให้ชนรุ่นหลังได้ไปท่องเที่ยวและอัศจรรย์ใจอยู่อย่างครบถ้วน ซึ่งจะเป็นที่ไหนบ้างนั้น ต้องติดตามกันต่อในครั้งหน้า