สมัยนี้เรื่องคลุมถุงชนกลายเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว เพราะหนุ่มสาวสมัยใหม่มักไม่ยอมให้พ่อแม่มาจับคู่ให้ตัวเองได้ง่ายๆจะเลือกคู่ทั้งทีจึงตั้องเป็นคู่ที่ตัวเองพอใจและเลือกเองเท่านั้น พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายแทบจะไม่คุ้นเคยกับลูกเขยหรือลูกสะใภ้เพราะกว่าจะพามารู้จักก็ร่อนการ์ดแต่งงานแล้ว และยังมีเงื่อนไขขอแยกบ้านอยู่เพื่อสร้างครอบครัวใหม่ ยิ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าพ่อแม่ของฝ่ายชายจะคุ้นเคยกับพ่อแม่และญาติพี่น้องของฝ่ายหญิง ทำอย่างไรจึงทำให้ทั้งสองครอบครัวได้คุ้นเคยกัน หรือสร้างความสมานฉันท์ให้กับครอบครัวทั้งสองเสมือนหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน ตรงนี้ต้องยกหน้าที่ให้ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงซึ่งเป็นเขยและเป็นสะใภ้ที่ต้องรับภาระความรับผิดชอบนี้ไปให้คิดเสียว่าครอบครัวเขาก็คือครอบตรัวเรา ครอบครัวเราก็คือครอบครัวของเขา เพราะความรักแบ่งกันได้ เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหนเสีย ...มาดูสิว่าคุณทั้งสองสามารถทำอะไรได้บ้าง ? 1. ยอมรับและเข้าใจ ถ้าคุณรักเขา คุณก็ควรจะรักและยอมรับครอบครัวเขาด้วย จึงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการใช้ความรักเป็นเครื่องนำทาง แรกๆคุณอาจเป็นคนแปลกหน้าสำหรับครอบครัวเขา แต่เวลาจะช่วยสร้างความคุ้นเคยระหว่างคุณและครอบครัวเขาได้ดี บังเอิญที่คุณต้องเผชิญกับครอบครัวที่มีลูกคนเดียว หรือพ่อแม่ที่หวงลูกมากเป็นพิเศษก็ให้คุณไตร่ตรองด้วยเหตุผล พึงหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทั้งปวง คิดเสียว่าพ่อแม่อาจจะรักและหวงลูกเป็นธรรมดาถึงลูกจะโตเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน พ่อแม่ก็ยังมองลูกเป็นเด็ก และยังคงเฝ้ามองด้วยความห่วงใยตรงนี้ฝ่ายชายอาจทำได้ไม่ยากถ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงหวงลูกสาว แต่ฝ่ายหญิงอาจต้องทำความเข้าใจและยอมรับหากแม่ฝ่ายชายจะหวงลูกชายจนเกินความพอดี จริงๆแล้วความรักเป็นเรื่องมหัศจรรย์และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ความรักแบ่งปันได้ คิดในแง่ดีว่าพ่อแม่เขาก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ของคุณ หากคุณได้มอบความรักและความห่วงใยให้กับเขาแล้วคุณเองก็จะได้รับความรักและสิ่งดีๆ จากพ่อแม่และญาติของเขาไม่ต่างจากที่เขาได้รับเช่นกัน 2. มองชีวิตเป็นเรื่องง่ายๆ แค่คุณมองชีวิตเป็นเรื่องง่าย คุณจะรู้สึกว่าการแต่งงานไม่ได้ทำให้คุณเปลี่ยนแปลงอะไรเลยในชีวิตเลย แต่เป็นการเริ่มต้นของการมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ทำให้คุณมีสมาชิกใหม่คือครอบครัวเขาเพิ่มขึ้นให้ครอบครัวของคุณ และคุณเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกใหม่ในครอบครัวของเขา เป็นครอบครัวใหญ่และเป็นครอบครัวที่อบอุ่นที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ แรกๆคุณและเขาอาจต้องปรับตัวกับครอบครัวใหม่ของแต่ละฝ่ายแต่ถ้าต่างฝ่ายต่างเปิดใจและศึกษาอุปนิสัยใจคอซี่งกันและกันแล้ว ทุกอย่างจะไปได้อย่างราบรื่น เชื่อเถอะว่าการมองโลกด้านดีของคุณจะทำให้คุณได้มิตรและไมตรีจากคนรอบข้างได้ไม่ยาก เพราะทั้งคุณและเขาก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่คนอื่นคนไกล คุณอาจได้รับคำปรึกษาดีๆ จากผู้ใหญ่ของฝ่ายเขา ในยามที่คุณหรือเขามีปัญหาทุกข์ร้อนใจก็จะได้รับแรงสนับสนุนที่จากครอบครัว สิ่งดีๆมีอยู่ข้างตัวคุณแล้ว อย่ามองข้ามไปเสียล่ะ 3. ศึกษาขนบธรรมเนียม ถ้าคุณแต่งงานกับครอบครัวเชื้อสายจีน ก็ควรจะศึกษาธรรมเนียมการใช้ชีวิตของคนจีนเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกันก่อน ยกเว้นแต่คุณจะมีเชื้อสายจีนอยู่แล้ว เพราะหากคุณต้องเข้ากับครอบครัวจีน อาจต้องมี ธรรมเนียมยึดถือปฏิบัติ จุดนี้อาจเป็นจุดเปราะบางที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งได้ หากคนเชื้อสายจีนได้แต่งกับครอบครัวไทยแท้ที่ยึดถือธรรมเนียมเคร่งครัดก็ต้องศึกษาและเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตของเขาเช่นกัน เรื่องแบบนี้ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องหนักหนาสาหัสอะไร เพราะความจริงแล้วไม่มีใครเรียนรู้อะไรมาตั้งแต่เกิด เรื่องทุกเรื่องศึกษาได้ ขอเพียงคุณมีความตั้งใจจริงตัวอย่างง่ายๆ ที่คุณน่าจะศึกษาและทำความเข้าใจแต่เนิ่นๆ เจอญาติผู้ใหญ่ไม่ยกมือไหว้ อาจดูว่าเป็นคนไม่มีสัมมาคารวะ แต่หากเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ขอเพียงเรียกขานตำแหน่ง เช่น อากง อาม่า ฯลฯ แค่นี้ผู้ใหญ่ก็พอใจ แต่ถ้าเป็นคนไทยแท้ๆ ต้องยกมือไหว้จึงถูกธรรมเนียมปฏิบัติและอื่นๆอีกที่คุณจะศึกษาได้ไม่ยากถ้าได้เริ่มรู้ตั้งแต่วันนี้ 4. วันครอบครัว ถ้าฝ่ายพ่อแม่ของเขาเกิดต้องชะตากับคุณก็ถือเป็นเรื่องโชคดีแต่ถ้าคุณและเขายังไม่คุ้นเคยกับครอบครัวของแต่ละฝ่าย สะใภ้และเขยน่าจะใช้โอกาสของ วันครอบครัว สร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกับครอบครัวของเขา อย่างน้อยคุณเองจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และทำความรู้จักกับพ่อแม่และญาติพี่น้องของเขาให้มากขึ้น คุณน่าจะใช้เวลาว่างอย่างเช่น วันหยุดเสาร์หรืออาทิตย์หรือวันที่คุณทั้งสองคนว่างตรงกันไปเยี่ยมเยียนแต่ละครอบครัว ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัวของแต่ละฝ่าย ช่วยกันทำอาหารรับประทาน หรือออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านร่วมกัน โอกาสนี้เองเป็นเวลาสุดแสนพิเศษที่ทำให้คุณได้ใกล้ชิดและสร้างความสนิทสนมกับครอบครัวของเขาได้มากขึ้น มีโอกาสพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ถามไถ่ทุกข์สุข พูดคุยเรื่องทั่วไปและใช้วิธีเดียวกันนี้กับครอบครัวของคุณ ให้เขาได้มีโอกาสสนิทสนมใกล้ชิดกับครอบครัวของคุณได้ง่ายและไม่เคอะเขิน 5. เยี่ยมเยียนกันตามวาระและโอกาส ต้องยอมรับว่าสังคมไทยของเรา ระบบเครือญาติเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตคู่สมรสไม่มากก็น้อยถึงแม้ว่าจะแต่งงานแล้วแยกย้ายออกไปตั้งรากฐานครอบครัวตัวเองก็ตาม แต่ก็ยังคงผูกพันกับครอบครัวเดิมยู่ จะแยกบ้านอยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหน พ่อแม่ยังรักและห่วงใยลูกอยู่ตลอดเวลา ถ้าคู่ของคุณเป็นคู่ที่พ่อแม่และญาติพี่น้องทั้งสองฝ่ายรู้จักกันมาก่อน คุณทั้งสองต้องทำหน้าที่เสมือนสะพานเชื่อมให้ทั้งครอบครัวเขาและครอบครัวคุณสนิทสนมคุ้นเคยกันให้ได้ โดยใช้วิธีแบบเข้าหาผู้ใหญ่ เข้าเยี่ยมเยียนกันและกันตามวาระและโอกาส เขาจะสนิทคุ้นเคยกันเร็วแค่ไหนก็อยู่ที่ฝีมือของคุณแล้ว 6. ลูก..หลาน ทูตตัวน้อย ลูก ที่น่ารักของคุณและเขานี่แหละที่เป็นเสมือน ทูตตัวน้อย และเป็นสื่อมิตรภาพเชื่อมสัมพันธไมตรีของทั้งสองครอบครัวให้เป็นหนึ่งเดียว เพราะใครๆก็ย่อมเห่อเจ้าตัวน้อยทั้งนั้น โดยเฉพาะปู่ย่าและตายายนั้นยิ่งรักลูกของตัวเองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรักหลานมากขึ้นเท่านั้น และมีความเป็นไปได้สูงที่จะรักหลานมากกว่าลูกด้วยซ้ำไป ก็เพราะความใสซื่อและไร้เดียงสาของเจ้าตัวน้อยนี่เองกิริยาที่แสดงออกทุกท่วงท่าทุกอิริยาบถจึงดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมดพูดจาอ้อแอ้รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็กลายเป็นดูจะถูกใจคุณปู่คุณตาคุณยายไปเสียทุกเรื่อง และยังสรุปเองว่าเป็นเด็กขี้ประจบช่างเอาใจ เห็นตัวอย่างมาหลายรายแล้วที่พ่อแม่โกรธลูกไม่ยอมรับเขยหรือสะใภ้เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว แต่พอมีเจ้าตัวน้อยลืมตาออกมาดูโลก พ่อแม่ก็หมั่นเพียรพยายามพาหลานไปเยี่ยมเยียนปู่ย่าตายายจนใจอ่อนกับ ความน่ารักน่าชังของทูตตัวน้อยๆ ทำให้ยอมรับพ่อแม่ของเด็กๆ เข้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัวในที่สุด 7. แบ่งเวลา เพราะโลกนี้ไม่ได้มีเพียงคุณและเขาเพียงลำพังสองคน จึงเป็นเรื่องความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน อย่าทำให้ครอบครัวเขาและครอบครัวคุณรู้สึกว่าการแต่งงานของคุณมีคุณและเขาเพียงสองคนเท่านั้น อย่าลืมว่าพวกเขาเหล่านั้นยังอยู่ข้างๆ คุณเสมอ เมื่อมีเวลาทั้งคุณและเขาควรจะแบ่งเวลาของแต่ละฝ่ายให้กับครอบครัวเดิม จะทำให้ครอบครัวของเขารู้สึกว่า ทั้งคุณและเขายังอยู่กับเขาตลอด ไม่ได้ห่างไกลไปไหน ให้เขาได้รู้สึกว่า เป็นส่วนหนึ่งของคุณ แบ่งเวลาในครอบครัว พูดคุยหรือไต่ถามสารทุกข์สุขดิบถึงกันและกันบ้าง อย่าให้เขารู้สึกว่าถูกแย่งความรักออกไป เพราะความรักเป็นเรื่องที่แบ่งปันกันได้เสมอ เทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวไกลไปมากไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถใช้โทรศัพท์ถือพูดคุยสื่อสารถึงกันได้ ถ้าคุณสามารถโทรศัพท์ถึงคู่รักของคุณได้ คุณก็น่าจะโทรหาพ่อแม่ได้ให้เขารู้สึกว่าคุณยังผูกพันและห่วงใยเขาอยู่ตลอดเวลา และเชื่อมความสัมพันธ์นี้ไปยังคู่รักของคุณ ให้เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของคุณด้วย 8. กิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ จะดีแค่ไหนถ้าคุณได้จัดปาร์ตี้หรือมีกิจกรรมบันเทิงเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีหรือมีกิจกรรมบันเทิง เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีของทั้งสองครอบครัวเข้าด้วยกัน ไม่ต้องรอเทศกาลไม่ต้องรอโอกาสพิเศษอะไร แต่เป็นกิจกรรมที่ทั้งคุณและเขาสร้างขึ้นมาเองได้ แค่ทำตัวเป็นนักสืบสมัครเล่นดูว่า ครอบครัวของแต่ละฝ่ายชอบงานอดิเรกหรือมีกิจกรรมผ่อนคลายอะไรบ้างแล้วคุณก็จัดกิจกรรรมนั้นขึ้นมาเพื่อสร้างความสนุกสนานร่วมกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งผลที่ได้คือสัมพันธภาพที่ดีระยะยาวนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารร่วมกันแบบรวมญาติของสองครอบครัว หรือจัดทริปรวมครอบครัวเที่ยวทะเล หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในสังคมหรือกิจกรรมเดียวกัน จะทำให้สามารถสื่อสารในเรื่องเดียวกันและมีเรื่องราวที่จะพูดคุยกัน หรือเป็นวาระสำคัญต่างๆ เช่น วันเกิดพ่อแม่ของเขา พ่อแม่ของคุณ วันแซยิดคุณปู่ หรือญาติผู้ใหญ่ที่ต่างฝ่ายต่างนับถือ เป็นโอกาสพิเศษที่คุณจะมอบของขวัญแทนใจที่คุณมีต่อครอบครัวเขาและครอบครัวคุณ ให้ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสพูดคุยและสนิทสนมกันมากขึ้น 9. สื่อใจถึงกันและกัน คุณและเขาสามารถจะเป็นสื่อกลางให้ทั้งสองครอบครัวได้ดีที่สุด เป็นตัวกลางประสานและเชื่อมโยงทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ข่าวคราวของแต่ละฝ่ายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเรื่องสุขทุกข์ต่างๆที่สามารถช่วยเหลือกันได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ ทั้งสองครอบครัวค่อยๆ สนิทสนมและรู้สึกเป็นหนึ่งในครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกเข้าโรงเรียน ลูกได้รับรางวัล ก็ร่วมยินดีกันได้ หากใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัวของแต่ละฝ่ายเจ็บไข้ได้ป่วย ก็สามารถเยี่ยมเยียนแสดงความห่วงใยกัน หรือมีสิ่งใดที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ คุณสามารถเป็นตัวเชื่อมโยงความรู้สึกของกันและกัน อย่าคิดว่าการมีครอบครัวของแต่ละฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้ขาดอิสระของชีวิตคู่ เพราะครอบครัวใหญ่มีส่วนดีหลายด้าน โดยเฉพาะถ้าคุณมีเรื่องเดือดร้อนหรือทุกข์ร้อนใจก็สามารถปรึกษาหารือกันได้ แต่ข้อสำคัญคุณต้องสร้างความประทับใจที่ดีและมีความจริงใจเหมือนอย่างครอบครัวตัวอย่างรายหนึ่งที่แม่ฝ่ายหญิงต้องเข้ารับการผ่าตัด และญาติฝ่ายชายก็ให้เงินช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ เพราะทั้งสองครอบครัวคุ้นเคยกันจากการที่มีคนกลางของทั้งสองฝ่ายช่วยสานความสัมพันธ์อยู่ตลอดเวลา 10.พักหลายบ้าน ไม่ใช่สนับสนุนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีหลายบ้านแต่สนับสนุนให้คุณเป็นคนที่พักหลายบ้านเพื่อสร้างความอบอุ่นในครอบครัว เพราะแทนที่คุณจะใช้ชีวิตเพียงลำพัง ลองหาเวลาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แวะเวียนไปพักกับครอบครัวเดิมของฝ่ายหญิงและครอบครัวเดิมของฝ่ายชายสลับกันไป ทำให้คนในครอบครัวเดิมรู้สึกว่า การแต่งงานมีครอบครัวของคุณและเขาไม่ได้ทำให้คุณและเขาห่างหายไป และยังอยู่ใกล้ๆกัน หรือคุณและเขาจะเป็นฝ่ายชักชวนให้พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายมาพักบ้านคุณก็ได้ คุณจะได้มีโอกาสดูแลพ่อแม่ได้อย่างใกล้ชิดขึ้น ได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ดูหนังฟังเพลง จัดสวนด้วยกัน ได้ดูแลลูกตัวน้อยของคุณร่วมกัน ครอบครัวที่มีหลายบ้าน ได้แวะเวียนไปพักบ้านปู่ย่าตายายบ้าง จะทำให้เด็กๆ รู้สึกสนุก และตื่นเต้นที่ได้มีกิจกรรมทำวันหยุด ได้มีโอกาสอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทุกฝ่ายสุดสัปกาห์ทีก็ได้ไปเจอหน้าคุณปู่คุณย่าหรือคุณตาคุณยาย และยังได้เจอกับญาติคนอื่นๆ ยิ่งถ้าพี่น้องของคุณมีเจ้าตัวเล็กที่อายุใกล้เคียงกันด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เด็กรู้สึกสนุกและทำให้วันหยุดสุดสัปดาห์ของเด็กมีความหมายขึ้นมาก อาจเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะทำให้แต่ละฝ่ายมารวมกันได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากถ้าคุณและเขามีความตั้งใจ สิ่งเหล่านี้จะทำให้สัมพันธ์รักระหว่างสองครอบครัวผูกพันเป็นหนึ่งเดียว ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ Wedding Sep-Nov 07
|