สวยแบบหมวยๆ ด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน

       หลายคนเคยกล่าวไว้ว่า “ความงาม” ของคนเรานั้นต้องออกมาจากภายใน มิใช่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่สมบูรณ์พร้อมเท่านั้น นั่นหมายถึง ความงดงามที่กลั่นมาจากจิตใจที่บริสุทธิ์ ใสสะอาด เพื่อที่จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่สมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ

 
 
 
 
              ทั้งนี้ หากภายในร่างกายเราสมบูรณ์พร้อม อวัยวะภายในต่างๆทำงานประสานและสมดุลกัน สิ่งที่จะส่งผลตามมาคือรูปร่าง ผิวพรรณหรือรูปลักษณ์ที่หมดจดงดงาม ในทางกลับกันหากอวัยวะภายในทำงานไม่ประสานสมดุลกันหรือเกิดความบกพร่องสิ่งที่จะส่งผลตามมาคือความเสื่อมโทรมของสภาพร่างกาย ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้อย่างเด่นชัด
      
       หลักของศาสตร์การแพทย์จีนที่เกี่ยวข้องกับความงาม มักจะกล่าวถึงความสมดุลของทุกองค์ประกอบของอวัยวะ และมักจะกล่าวถึงการทำงานของส่วนต่างๆ ที่ประสานกลมกลืนกัน โดยเฉพาะการทำงานที่เป็นคู่ของส่วนต่างๆ อยู่เสมอ อวัยวะภายในร่างกายก็เช่นเดียวกันที่จะมีการประสานการทำงานควบคู่กันซึ่งหากส่วนหนึ่งส่วนใดเกิดความบกพร่องก็มักจะส่งผลต่ออีกส่วนหนึ่งด้วย โดยเป็นสายใยที่มีส่วนเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน
      
       อ.วิวัฒน์ จงหมายรักษ์ แพทย์แผนจีน โรงพยาบาลวิภาวดี อธิบายว่า การทำงานของอวัยวะภายในร่างกายเรานั้นจะมีการทำงานควบคู่กันเสมอ หากเราต้องการให้ร่างกาย ผิวพรรณ รวมทั้งรูปร่างดีและเหมาะสมเราควรรู้จักการทำงานในส่วนต่างๆของอวัยวะภายใน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสมดุลของอวัยวะภายนอกตามมา
      
       ตามหลักของศาสตร์การแพทย์จีน อวัยวะที่ทำงานเป็นคู่กันประกอบไปด้วย หัวใจที่ทำงานควบคู่กับลำไส้เล็ก ม้ามคู่กับกระเพาะอาหาร ปอดคู่กับลำไส้ใหญ่ ไตคู่กับกระเพาะปัสสาวะ และตับที่ทำงานคู่กับถุงน้ำดี นอกจากนี้ยังมีเยื่อหุ้มหัวใจที่ทำงานคู่กับ ซันเจียว (เป็นตัวควบคุมน้ำในร่างกายไม่ใช่อวัยวะ)
      
       “เมื่อเราทราบการทำงานส่วนต่างๆที่คู่กันแล้ว เราก็จะสามารถรู้จุดว่าจะรักษาหรือบำรุงส่วนใดต่อไปได้ เช่น หากเราต้องการผมที่สวยดกดำเราก็จะไปดูที่ไตเพราะไตเป็นตัวควบคุม ทั้งนี้การสังเกตคือการดูว่าส่วนใดบังคับส่วนใดอยู่ จึงจะสามารถบำรุงรักษาส่วนเหล่านั้นให้เกิดความสมดุลหรือเกิดการทำงานอย่างมีระบบ ซึ่งจะส่งผลมายังส่วนต่างๆของอวัยวะภายนอกร่างกาย”
      
       อ.วิวัฒน์ อธิบายต่อว่า ตามศาสตร์การแพทย์จีนที่เกี่ยวกับความงามของผิวพรรณนั้น เราจะดูที่การทำงานของปอด เพราะปอดเป็นตัวที่ควบคุมระบบผิวหนังของร่างกายและ ควบคุมขนอ่อนๆ โดยมากผู้ที่มีปัญหาผิวหนังที่มีการเหี่ยวย่นง่ายมักจะเป็นหวัดบ่อย ในที่นี้มิใช่หวัดใหญ่แต่เป็นหวัดที่อาจเกิดจากการโดนลมถ้าเราจะรักษาก็จะต้องดูที่อวัยวะปอดและดูที่คู่ของเขาคือลำไส้ใหญ่ด้วย
      
       อย่างในวัยรุ่นที่มักเป็นสิว คือส่วนของลำไส้ใหญ่ที่อาจมีความบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารไม่เหมาะสมชอบกินของมันหรือ ช็อกโกแลต ทำให้มีการท้องผูกระบบขับถ่ายไม่สมดุลหรือการขับถ่ายไม่ค่อยดี ก็จะส่งผลต่อปัญหาการเกิดสิวได้ง่าย รวมทั้งการดูจากสาเหตุอื่นๆ ด้วยเช่น ความผิดปกติของประจำเดือน หรือการทำงานของมดลูกมีความบกพร่อง ดังที่กล่าวเมื่อเรารู้จุดที่ต้องแก้ไขการรักษาจึงเป็นไปได้ง่ายและถูกต้อง
      
       “สำหรับวิธีการรักษาตามศาสตร์การแพทย์จีน มักจะใช้การฝังเข็มและลนยา โดยตัวยาที่ใช้เรียกว่า สมูทม็อกซ่า(Smoothmoxa) ซึ่งอุปกรณ์ที่จะใช้ในการรักษาจะประกอบไปด้วย ขวดแก้ว ซึ่งสามารถนำมารักษาผู้ที่เป็นโรคผิวหนังชนิดไม่เรื้อรังได้ เราจะทำการครอบขวดแก้วตามส่วนต่างๆ เช่น ที่สะดือในคนไข้ที่เป็นลมพิษ โดยใช้ขนาดขวดแก้วที่สามารถพอที่จะครอบสะดือได้ ทำซ้ำติดต่อกัน 3 ครั้ง แต่หากเป็นลมพิษระยะลุกลาม จะทำการครอบ 3 วันติดต่อกัน ทั้งยังอาจใช้การฝังเข็มร่วมด้วยในบางจุด”
      
       “สำหรับตัวยา(Smoothmoxa) ซึ่งเป็นตัวยาที่มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายยากันยุงสมัยก่อน มีกลิ่นฉุนจะใช้สำหรับลน โดยในผู้ที่เป็นฝ้าก็จะมีการลนบริเวณที่เกิดฝ้า แต่ถ้าเป็นมากก็อาจมีการใช้การฝังเข็มร่วมด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเข็มที่ใช้สำหรับการฝังไปยังผิวหนังบริเวณต่างๆ ซึ่งมีลักษณะเล็กใหญ่ต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณผิวหนังที่จะทำการฝังว่าหนาหรือบางเป็นต้น ทั้งนี้ การรักษามักดูจากอาการ การจับชีพจรก็มีส่วนสำคัญเพื่อตรวจดูว่าอวัยวะภายในส่วนใดเกิดความบกพร่องโดยหลักมักจะดูที่สาเหตุของปัญหาคืออวัยวะที่ทำงานผิดปกติและส่งผลมายังภายนอกร่างกายซึ่งเป็นการแก้ไขที่ถูกจุดและเหมาะที่สุด”
      
       อ.วิวัฒน์ ยังได้ให้สูตรยาที่สำหรับใช้ในการรักษาฝ้าไว้ด้วย โดยสูตรยาดังกล่าวประกอบไปด้วย ลูกเดือย 50 กรัม ข้าวกล้อง 200 กรัม ยาจีนที่เรียกว่าก๋วยซัว 100 กรัม แช่ในน้ำพอหมาดๆ ประมาณ 2-3 ชั่ว โมงเคี้ยวให้ละเอียดจนมีลักษณะเป็นโจ๊ก นำมารับประทานมากเท่าใดก็ได้ไม่มีผลกระทบหรืออันตรายใดๆเป็นสูตรยาที่ใช้รักษาความหมองคล้ำบนใบหน้า
      
       นอกเหนือจากนี้ ยังมีครีมที่ใช้สำหรับทาฝ้าแต่ทั้งนี้ผิวหนังของคนเรามักมีลักษณะที่แตกต่างกันก่อนที่จะนำมาใช้ควรทดสอบให้เห็นถึงอาการแพ้หรือการะคายเคืองเสียก่อนโดยทาบริเวณท้องแขนหรือหลังใบหูเพื่อตรวจสอบว่ามีเม็ดผืนแดงคันหรือความผิดปกติอย่างใดเกิดขึ้นหรือไม่โดยสูตรดังกล่าวประกอบด้วย วาสลีนชนิดที่ไม่มีน้ำหอม และนำใบของลูกพับจีนมาบดให้ละเอียด หมักไว้ในวาสลีนสามารถทาลอกฝ้าได้
      
       อ.วิวัฒน์ ยังได้แนะอีกสูตรสำหรับผู้ที่อยากมีผิวพรรณที่สวยเปล่งปลั่ง ที่จะช่วยให้ผิวพรรณดี โดยสูตรยาดังกล่าวประกอบด้วยพุทราจีนเม็ดสั้นให้กระเทาะเมล็ดออกแล้วนำมาล้างให้สะอาด ใช้ประมาณ 20 ผล และนำแย็กแต๊ก ที่มีลักษณะเป็นแผ่นใสเหลืองนวลไม่ขาวใช้ประมาณ 1 กำมือลงไปต้มในหม้อ แล้วกรองนำน้ำมารับประทานซึ่งจะได้รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างมากทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อหญิงมีครรภ์ ใน 4 เดือนหากนำมารับประทานและทิ้งระยะ พักท้องไว้ 1 เดือนเด็กที่ออกมาจะมีผิวพรรณสวยและหัวใจแข็งแรง มีประโยชน์ต่อหญิงท้องแก่ทำให้ถ่ายท้องออกมานิ่มๆทั้งยังป้องกันการเป็นโรคริดสีดวงได้อีกด้วย
      
       “การรับประทานอาหารก็มีส่วนสำคัญ การที่จะมีผิวพรรณหรือรูปร่างภายนอกที่ดีได้นั้น เราจำเป็นที่จะต้องบำรุงจากภายใน โดยอวัยวะต่างๆของคนเราจะมีสีประจำส่งผลต่อการเลือกรับประทานเพื่อจะบำรุงอวัยวะส่วนนั้นๆได้ด้วย ซึ่งสีที่เป็นตัวแทนของอวัยวะต่างๆเหล่านั้นประกอบไปด้วย หัวใจ แทนด้วยสีแดง ม้ามแทนด้วยสีเหลือง ปอดแทนด้วยสีขาว น้ำแทนด้วยสีดำ และตับแทนด้วยสีเขียว เมื่อเรารู้ว่าสีใดเป็นตัวแทนสีใดเราสามารถรับประทานพืชผัก ผลไม้ที่มีสีต่างๆที่เชื่อว่าจะสามารถบำรุงอวัยวะนั้นๆได้ ตัวอย่างเช่น การรับประทานผลไม้ 5 สี เมื่อรับประทานเป็นประจำก็สามารถบำรุงส่วนต่างเหล่านั้นได้เช่นกัน”อ.วิวัฒน์ให้คำแนะนำทิ้งท้าย
      
       นอกจากการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์แล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างคือการรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอก็มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณของเราสวยงามได้เช่นกัน โดยเฉพาะการออกกำลังกายและการพักผ่อนที่เพียงพอจะส่งผลให้ร่างกายของคนเราแข็งแรงสมบูรณ์ได้อีกด้วย
      
       สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ โรงพยาบาลวิภาวดี โทร 02-9412800 ต่อ 1812