"เป็นโสดดี หรือควรหาคู่ มาแนบข้าง" เป็นทางเลือกที่บางคนยังหาคำตอบ ให้ตัวเองไม่ได้ แต่สังคมชอบผลักไสให้ผู้หญิงรีบมีคู่มากกว่าจะส่งเสริมให้อยู่ตัวคนเดียว จนเป็นแรงกดดันอย่างใหญ่หลวงแก่สาวๆ ทั้งหลาย "กลัวไม่ได้แต่ง" ก่อนก้าวสู่วัยคว้ารถไฟเที่ยวสุดท้าย โดยลืมไปว่าการเลือกคู่ไม่ง่ายสักหน่อย เพราะการอยู่ร่วมกันไปนานๆจะมีคำว่าเบื่อหรือไม่ก็หน่ายแฉลบมาให้ได้ยินเสมอ เหตุนี้จึงควรป้องกันไว้ก่อนไม่ให้อาการนี้จู่โจมเข้าใส่อย่างกะทันหัน ซึ่งพาเมลา เรดมอนด์ เขียนเรื่อง Romantic Intelligence แนะวิธีสร้างความโรแมนติก อย่างชาญฉลาด ซึ่งมีอยู่ 7 ประการให้สาวๆ ได้รับในสิ่งที่พวกเธอปรารถนาจากคนรัก และทำให้พวกเขาตกหลุมรักเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น เจ้าแม่เฮาว์ ทู ในนิตยสารนิว วูแมนเล่าให้ฟังว่า ตอนเป็นสาววัย 20 ต้นๆ จะสนุกมากกับการควงคนนั้นทีคนนี้ที ไม่หวั่นหรือเดือดร้อนว่าจะเป็นแฟนกันนานขนาดไหน เพราะเวลานั้นมีหนุ่มมาขอแต่งงานถึง 3 ราย ก็เลยทำให้คิดเฉไฉไปว่า การมีความสัมพันธ์กับคนมากหน้าหลายตาเท่ากับผ่านการทดสอบแล้วว่า เธอเป็นนักรักที่ยอดเยี่ยม แต่ถึงวันนี้กลับพบว่าหลงตัวเองเกินไปเพราะการเป็นนักรักอัจฉริยะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของคนที่ออกเดทด้วย ตรงข้ามมันน่าจะหมายถึงความสามารถที่จะประคับประคองชีวิตคู่ ให้อยู่ร่วมกันไปได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้มากกว่าจึงเพิ่งรู้ว่าการเป็นนักรักผู้ยิ่งยง ยังมีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง คือ 1. รู้ว่าต้องการอะไรจากคนรัก และทำอย่างไรถึงจะได้สิ่งนั้นมา สิ่งแรกที่คุณควรรวบรวมขึ้นมาให้ได้ก็คือ ความกล้ากล้าที่จะพูดในสิ่งที่คุณต้องการ จากอีกฝ่ายเช่นหากน้องนางอยากจะให้สามีมีส่วนช่วยดูแลลูกในวันเสาร์ เพื่อที่เธอจะได้มีเวลาเป็นของตัวเองบ้างในบ่ายวันนั้นคุณควรบอกความปรารถนานี้ ให้สามีเข้าใจไปเลยอย่างไม่ต้องลังเลปัญหาของผู้หญิงส่วนใหญ่ก็คือชอบกล้ำกลืนความต้องการ ของตัวเองเอาไว้ซึ่งไม่ฉลาดเอาซะเลยกระนั้นอย่าเรียกร้องในสิ่งที่เห็นแก่ตัวมากไป มิฉะนั้นแทนที่อีกฝ่ายจะเห็นใจอาจเตลิดไปว่าคุณขอมากไป 2. เลือกคนรักที่เอาใจใส่ และปกป้องคุณได้ ให้สังเกตง่ายๆ ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อแม่ของเขาเป็นอย่างไร ถ้าเขาชอบเอ่ยถึงแม่บ่อยๆ คุณก็เบาใจได้ว่าเขาเป็นคนมีคุณภาพพอที่จะเทใจให้ หรือไม่ก็เขาเคยรับผิดแทนยามที่คุณทำงานพลาดบ้างไหม? เขาช่วยคุณดูแลบ้าน เหมือนเป็นภาระของเขาเองหรือเปล่า? 3. รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะไว้ ใจตัวเองในการตัดสินใจเลือกคนที่เหมาะกับคุณ หากคุณเป็นคนที่เซนซิทีฟให้เลือกคนที่อ่อนหวานเข้าไว้สังเกตเอาก็ได้ว่า คนที่คุณเล็งอยู่เขาเคยซื้อดอกกุหลาบหรือวางแผนพาคุณไปปิกนิกตากอากาศที่ไหนบ้างหรือเปล่า หากเขาไม่มีส่วนนี้เลยรักแต่จะทำงาน ก็ควรรู้ว่าคุณไม่ใช่เบอร์หนึ่งในใจเขา 4. แสดงความโกรธออกมาเมื่ออีกฝ่ายผิด ไม่จำเป็นต้องซ่อน แต่ขอให้เลือกจังหวะและไม่ใช่โกรธไปซะทุกเรื่อง 5. อย่าทึกทักว่าคนรักของคุณอยากได้ เหมือนสิ่งที่คุณต้องการ เพราะการให้ที่แท้ คือการมอบสิ่งที่ผู้รับปรารถนาไม่ใช่เพราะฉันอยากได้ของเหล่านี้ ก็เลยซื้อของพวกนี้ให้เขาอย่างนี้น่าจะเป็นพวกรักตัวเองมากกว่า 6. ตระหนักไว้ว่าคุณมีอิทธิพลต่อเขา แต่คุณบังคับเขาไม่ได้ เจ้าของบทความเล่าว่า เมื่อสมัยเริ่มมีรักสามีของเธอเช่าอพาร์ตเมนต์ ซึ่งมีเฟอร์นิเจอร์เพียงโต๊ะเล็กๆ และเสื่อไว้ปูนอน แถมยังชอบเปิดวิทยุเสียงดัง และจิบเบียร์กว่าจะเข้านอนได้ก็ต้องตี 4 เลยไปแล้ว คุณผู้อ่านลองจินตนาการเอาแล้วกันว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ฉันจะกล้ามีลูกตั้งแต่ครบปีแรกของวันแต่งงานหรือ? แต่หลังจากได้ทบทวน ความจริงอีกด้านหนึ่ง แม้เขาจะเข้านอน ดึกแค่ไหน แต่ก็ไม่เคย ไปทำงานสาย หรือแม้จะจน เขาก็พยายาม ทำงานและดิ้นรนให้ ครอบครัวมีบ้านมีช่อง โดยไม่ไปเที่ยวเตร่กับเพื่อนฝูง แต่เลือกที่จะเมาอยู่ที่บ้าน เหตุนี้เธอจึงมั่นใจในตัวเขามากขึ้น จำไว้ว่าการมีใครสักคนไม่ใช่แค่ขอให้เขาเป็นอย่างที่เราต้องการ แต่จงเลือกเพราะเขาเป็นคนดีหรือมีแววว่า จะเกลี้ยกล่อมให้ดีได้ แต่หากเจอคนดี แตกก็ตัวใครตัวมันละกัน 7. เมื่อมีปัญหาในการครองรัก ลองใช้เซ็กซ์เยียวยา การมีเพศสัมพันธ์เป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้ความขุ่นเคืองใจของคุณทั้งสองยุติลงได้ (ถ้าปัญหาไม่ หนักหนาสาหัสนักนะ) เนื่องจากการร่วมรักเป็นการสื่อสารอย่างหนึ่ง ซึ่งให้ผลลัพธ์ ดีกว่าคำพูดซะอีก คงไม่มีคู่รักคู่ไหนคิดอยากเลิกตั้งแต่คบหาแน่ ดังนั้นอย่าลืมเอาใจเขามาใส่ใจเรา รักตัวเองให้น้อย แต่รักคนที่เรารักให้มาก หากทำทุกอย่างตามนี้แล้วเกิดฉุกคิดขึ้น มาภายหลังว่า เขาไม่ใช่คนที่คุณสมควรรักล่ะ เจออย่างนี้ก็อย่ามัวโทษฟ้าดิน ให้โทษตัวเองว่ามีตาแต่หามีแววไม่
|