เกร็ดความรู้ : อ่อนโยนกับผิวบริเวณบอบบาง

ผิวรอบดวงตา

มักมีปัญหาบวม และขอบตาคล้ำ ทั้งเกิดริ้วรอยจากการแสดงความรู้สึก และริ้วรอยก่อนวัยง่าย เนื่องจากเป็นผิวที่บอบบางกว่าผิวส่วนอื่น อาจบางเพียงหนึ่งในสี่ของผิวแก้ม แต่ต้องขยับกะพริบ 12-20 ครั้งต่อนาทีตลอดทั้งวัน แม้ในขณะหลับผิวรอบดวงตาก็ยังมีการเคลื่อนไหว
        
เพื่อปกป้องผิวบริเวณนี้ เลือกใช้สำลีธรรมชาติแทนการใช้ทิชชู เลี่ยงนิสัยขัดถู และขยี้ตา แม้ในขณะทาครีมหรือล้างเครื่องสำอาง ก็ให้ลงอายครีมเป็นจุด ๆรอบกระบอกตา ไม่ถู ใช้นิ้วนางแตะ ๆ รอบ ๆ เพื่อกระตุ้นระบบหมุนเวียนโลหิตที่ผิวเบา ๆ ครีมจะค่อยซึมไปทั่วผิวรอบดวงตา ไม่ต้องทาครีมเข้าไปชิดถึงขอบตาซึ่งอาจทำให้ระคายเคือง
      
เพื่อป้องกันปัญหาถุงใต้ตา อาจต้องเลี่ยงการรับประทานเค็ม นอนหงายแทนการนอนตะแคงข้างและวักน้ำเย็น ๆ ล้างหน้าเมื่อตื่นนอน เพื่อลดภาวะน้ำขังเฉพาะที่ใต้ผิว

ริมฝีปาก

ริมฝีปากมีลักษณะที่แตกต่างจากผิวบริเวณอื่น จัดเป็นผิวส่วนเยื่อบุ ไม่ใช่ผิวหนัง แพ้ระคายเคืองและดำคล้ำง่าย นอกจากไม่มีต่อมไขมันคอยผลิตน้ำมันเคลือบปกป้องความชุ่มชื้นเช่นผิวหนังแล้ว ความชุามชื้นจากมอยส์เจอไรเศอร์ยังไม่อาจซึมเข้าไปภายในเช่นผิวหนังส่วนอื่น ๆ การดูแลทำได้เพียงเคลือบปกป้องความชุ่มชื้นที่มีอยู่ไม่ให้ระเหยออกไป และปกป้องผิวส่วนนี้จากรังสียูวี ด้วยการเลือกใช้ลิปบาล์ม หรือลิปสติกที่มีส่วนผสมของสารกันแดด
        
ผิวรอบริมฝีปากเกิดริ้วรอยง่ายเช่นเดียวกับผิวรอบดวงตา โดยเฉพาะผู้สูบบุหรี่ และเมื่ออายุมากขึ้นริมฝีปากจะค่อย ๆ บางลง ทำให้ยิ่งดูแก่ ขอบปากไม่ชัด และมุมปากตก ทำให้ดูเศร้า การแก้ปัญหาที่ได้ผลชัดเจนที่สุดคือ การฉีดสารเติมเต็มบางประเภทให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้น เติมริ้วเล็ก ๆ รอบริมฝีปากให้เต็มเนียน และยกมุมปากตก ที่นิยมก็มีการฉีดคอลลาเจน หรือฉีดไฮยาลูโรนิกแอซิด สารเหล่านี้จะคงอยู่ในผิว เพียงไม่กี่เดือนก็ต้องกลับมาฉีดใหม่ แต่องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ก็ได้อนุมัติให้ใช้สารเติมเต็มตัวใหม่ ที่เป็นฟอร์มสังเคราะห์ของสารในกระดูก และฟัน (Calcium Hydroxyapatite ) เพื่อการรักษาทางการแพทย์ เช่น ใช้เสริมความแข็งแรงให้เส้นเสียง แต่อาจใช้ฉีดเติมร่องริ้วรอย และริมฝีปากให้อิ่มได้ถ้าคนไข้อนุญาต สารตัวนี้สามารถคงอยู่ในผิวนาน 3-5 ปี

ผิวใต้วงแขน

ผิวใต้วงแขนมีต่อมไขมัน และต่อมเหงื่อมากมาย แตกต่างจากผิวรอบดวงตาและริมฝีปาก แต่ก็มักประสบปัญหาแห้ง แพ้ระคายเคือง และดำคล้ำ 
        
ทุกครั้งที่ผู้หญิงโกนขนใต้วงแขน 20-60 เปอร์เซ็นต์ของสิ่งที่หลุดลอกออกมาเป็นผิวของเธอ  ที่เหลือเป็นขนที่เธอต้องการกำจัด ผิวถูกใบมีดขูดเป็นรอยแหว่งเล็ก ๆ ลักษณะเป็นหลุม ๆ ทำให้ผิวสูญเสียน้ำง่ายขึ้น สิ่งแปลกปลอม และสารเคมีเข้าสู่ผิวได้ง่าย ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคืองตามมา ยิ่งถ้าใช้ใบมีดโกนเก่า ก็จะยิ่งทำลายผิวโดยไม่รู้ตัว
        
การโกนแต่ละครั้ง ผิวต้องใช้เวลาซ่อมแซมตนเองนานถึง 3 อาทิตย์ แต่ผู้หญิงที่กังวลในเรื่องกลิ่นกาย อาจโกนขนบ่อยทุก 3-4 วัน (ขนเป็นส่วนที่เก็บ และกระจายกลิ่นตัวได้ดี)  ก็จะยิ่งซ้ำเติมผิวให้อักเสบ ดำคล้ำ และหยาบขึ้นเรื่อย ๆ เพราะผิวใต้วงแขนมีเหงื่อค่อนข้างเยอะ การลงบอดี้โลชั่นบำรุงค่อนข้างจะเหนอะหนะ อาจเลี่ยงมาใช้ผลิตภัณฑ์ลดการเกิดเหงื่อพร้อมระงับกลิ่นกายที่มีส่วนผสมกึ่งมอยส์เจอไรเซอร์ แต่ให่ความรู้สึกแห้งสบาย