|
ตำหนิแบบไหน ไม่ให้ลูกน้องเสียหน้า |
ไม่ว่าความผิดพลาดสูญเสียในงาน จะมากมายเพียงใดก็ตาม ร้อยทั้งร้อย ไม่มีคนทำงานคนไหน อยากถูกตำหนิ ติเตียน หรือกล่าวโทษ แต่สำหรับหัวหน้างานแล้ว ถือว่าเป็นบทบาทหนึ่งที่ต้องกระทำ ซึ่งการตำหนิ และวิพากษ์วิจารณ์ ความผิดพลาดนั้น ก่อให้เกิดผลลัพท์ในเชิงบวกได้ หากรู้จัก จัดการ
วันดีคืนดีลูกน้องทำตลาดพัง วันร้ายคืนร้าย ลูกน้องแสนดี กลับเหลวไหลประหนึ่ง เป็นพนักงานที่ถูกส่งมาจาก องค์กรนรก จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่หัวหน้างานจะควบคุมอาการ นอตหลุด เอาไว้ในใจ ดังนั้น ย่อมเกิดบรรยากาศ การโวยวายกันบ้าง แต่สิ่งที่มักเกิดขึ้นเสมอก็คือ มักไม่ค่อยมีลูกน้องคนใดอยู่รอให้ โดนด่า ในรายที่ฉลาดแกมโกง ก็มักแก้ปัญหาให้พ้นตัวไป โดยชี้หน้าโทษผู้ร่วมงานคนอื่น ไปจนถึงการโยนปัญหาไปให้เป็นความรับผิด ของสถานการณ์แวดล้อม ที่ไร้ตัวตนเสีย ทุกทีไป นั่นเป็น เพราะไม่มีใครอยากถูกตำหนินั่นเอง
อันที่จริงแล้ว การติเตียน หรือการวิพากษ์วิจารณ์นั่น ซ่อนพลังในเชิงบวกเอาไว้ไม่น้อย การกล่าวโทษความผิดพลาด ของลูกน้องเป็นเครื่องมือ ของการบริหารองค์กรชนิด หนึ่ง ที่จะช่วยป้องกันมิให้ เกิดความผิดพลาดซ้ำซาก ก่อให้เกิดแรงฮึด สร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาใหม่ ด้วยความพยายามในระดับที่มากกว่าเดิม และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ในที่สุด แต่ทั้งนี้ และทั้งนั้น
หัวหน้างานต้อง ติให้เป็น โดยมีหลักการที่น่าจะเข้าใจได้ง่ายๆ ดังนี้
รู้จังหวะเวลาที่เหมาะสม การทำธุรกิจ คล้ายกับการแข่งขันกีฬา ตรงที่ต่างก็ตกอยู่ในเกมเหมือนกัน ผู้นำองค์กรคือโค้ชของทีม ซึ่งอยู่ในฐานะมองเกม ไกด์แนวการเล่น และตำหนิลูกทีมของตนเองได้เมื่อเขาเล่นผิดพลาดจนทำให้ทีมเสียหายยับเยิน
เป้าหมายแรกของการตำหนิ ไม่มีอะไรมากไปกว่าป้องกันความเสียหายซ้ำซาก ตำหนิเพื่อให้ผู้เล่นรับผิดชอบ ตำแหน่งของตัวเอง เต็มที่มากขึ้น และเป็นผลทางด้านจิตวิทยา กับทีมโดยรวม เพราะเมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ทุกคนในทีมงาน ย่อมรับรู้สถานการณ์ ได้เท่ากันอยู่แล้ว ถ้าหากคนทำผิดไม่ได้รับการตำหนิเลย จะทำให้ส่วนงานอื่นๆ รู้สึกท้อแท้
เล่นผิดก็ถูกกล่าวโทษ ฟังดูเหมือนง่าย แต่การตำหนิไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะจะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อใดที่ควรตำหนิ และเมื่อใดไม่ควร ต่อประเด็นนี้ จึงต้องอาศัยวิจารณญาณ ของผู้นำองค์กรค่อนข้างมาก
ปกติแล้วความผิดพลาดในงานหรือเกมการแข่งขัน เกิดขึ้นจาก 2 สาเหตุ สาเหตุแรก เป็นผลมาจากการอ่อนด้อย ในความสามารถ ลูกทีมไม่อาจทำงานได้ตามเป้าหมาย พูดง่ายๆ คือทักษะผิดพลาด ปัญหานี้กล่าวโทษกันก็ไร้ประโยชน์ เพราะนั่นหมายถึงฝ่ายบุคคลตาไม่ถึงรับคนด้อยประสิทธิภาพมาทำงาน การแก้ไขปลายเหตุคือ ต้องไล่ไปฝึกฝนทักษะ กันใหม่ จัดโปรแกรมเทรนนิ่งให้เขา ซึ่งเปลืองต้นทุนมาก ทางที่ดีก็คือต้องคัดคนที่มีความสามารถเข้ามาทำงานตั้งแต่ต้น
ส่วนสาเหตุที่ 2 เป็นผลมาจากการตัดสินใจผิดพลาด กรณีนี้ผู้นำ และลูกทีม ไม่อาจหลีกเลี่ยงการตำหนิติเตียน หรือรอดพ้นไป จากคำวิพากษ์วิจารณ์ได้ การกล่าวโทษด้วยวิธีการที่ดี จะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกทีม ตัดสินใจผิดพลาดซ้ำสอง เพราะการตัดสินใจ เป็นเรื่องของทัศนะคติ และประสบการณ์ สามารถเรียนรู้ และพัฒนาได้จากการติดสินใจ ผิดพลาดครั้งแรก
ชมต่อหน้า ด่าสองต่อสอง ผู้นำที่ชาญฉลาด อย่าลังเลที่จะชมลูกทีมในที่สาธารณะ เพื่อให้เขาเกิดกำลังใจ เกิดความเชื่อมั่นที่จะทำงานให้ดีต่อไป และยังเป็นผลดีต่อลูกทีมคนอื่นๆ ในองค์กรที่หวังจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพราะเขาเกิดความมั่นใจว่า เมื่อผลงาน ออกมาดีแล้ว ตัวเองก็จะได้รับการชมเชยบ้างเหมือนกัน
ในขณะเดียวกัน เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น การกล่าวโทษติเตียนต้องรู้กัน เฉพาะนายกับลูกน้องรายนั้น ไม่ว่าสังคมไหน ก็ตาม การเสียหน้าล้วนเป็นเรื่องใหญ่ ที่บั่นทอนพลังในการทำงานทั้งสิ้น แม้แต่ความสำเร็จของงาน บางครั้ง ก็มีความผิดพลาด สูญเสียเจือปนมาทั้งสิ้น
ผู้นำต้องเลือกเฟ้นเฉพาะด้านดีออกมา ชมอย่างเปิดเผย ส่วนอีกด้านหนึ่ง หาเวลาเหมาะสมแล้วค่อยบอกลูกน้องว่า งานนั้นถึงจะบรรลุเป้าหมายแต่มีข้อเสียที่ควรปรับปรุงอย่างไร
อย่าอยู่ในความเงียบ โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีคนทำงานคนไหน ที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำงานผิดพลาด และเขามักรอคอยกล่าวโทษ จากผู้นำ และเพื่อนร่วมทีมอยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ตามที การทำผิดแล้วถูกตำหนิเลยนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า ทั้งต่อตัวคนที่ทำผิด และต่อองค์กรโดยรวม
เวลาทำผิดแล้วเจ้านายไม่ตำหนิเลย เชื่อไหมว่าทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนทำงานที่ไร้ค่า ความเงียบของเจ้านาย ทำให้เขารู้สึกว่าเจ้านายคิดว่าเขา Hopeless คนทำงานผิดพลาดแล้วไม่ถูกตำหนิ ถ้าไม่ใช่ลูกน้องเส้นใหญ่ หรือเจ้านายบ้องตื้น แล้วหล่ะก็ มันมีความหมายว่าลูกน้องรายนั้นในการพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะถูกตำหนิหรือถูกวิจารณ์อย่างไร เขาคงไม่สามารถทำงานได้ดีกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อทำผิดพลาดแล้วไม่ถูกตำหนิ เขาจะทำงาน ด้วยความรู้สึกกังวลกว่าเดิม เป็นความกังวลที่เกิดขึ้นยืดยาวไป จนถึงวันประเมิน ผลงานปลายปี แต่ถ้าหากทำงานผิดพลาดแล้ว ถูกตำหนิเลย จะเป็นประหนึ่งสัญญาณ ที่ช่วยให้เขาประเมินแต้ม ของตัวเองได้ ลงมือฮึดสู้ใหม่ และไม่ต้องกังวลไปตลอดปีแห่งการทำงาน เพราะฉะนั้น ด่าลูกน้องเถอะ อย่าลังเล
หาแพะรับบาป เรื่องของการตำหนิ แบบผิดฝาผิดตัว บางครั้งเกิดขึ้นจาก ความเขลาของผู้นำเอง ที่ไม่หาข้อมูลให้สมบูรณ์เสียก่อน คนที่ไม่ได้ทำผิด แล้วต้องประสบกับเหตุการณ์แบบนี้ จัดว่าเป็นแพะโชคร้ายแห่งเดือน หรือแพะรับบาปแห่งปีไป ถ้าโชคดีผู้นำรู้ตัวแล้ว แอบขอโทษขอโพยกันสองต่อสอง ก็ต้องยกประโยชน์ให้เจ้านายไป เป็นบุญเป็นคุณกันเสียอีก ไม่ต้องไปเสียอกเสียใจ ทดท้อ หมดความเชื่อมั่นในการทำงาน ทว่า ยังมีอีกกรณีหนึ่งที่ผู้นำ จำเป็นต้องหาแพะรับบาปตัวจริง อันเนื่องมาจากว่าธุรกิจ มีความสูญเสียเกิดขึ้นจริงด้วยเหตุสุดวิสัย แต่จะปล่อยเลยตามเลยก็ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะขัด กับกฏที่ว่าด้วยผู้นำต้องด่า ผู้นำต้องไม่อยู่ในความเงียบ
ประเด็นนี้ก็ขึ้นอยู่กับพิจารณญาณของ ผู้นำแล้วหล่ะ ว่าจะหาแพะอย่างไรให้เหมาะสม ตำหนิแล้วแพะไม่น้อยใจยื่นใบลาออก หรืออ้างบุญคุณกับเจ้านาย แต่หลังจากหาแพะครั้งนั้น จะช่วยให้ทีมงานเอาใจใส่งานมากขึ้น การบริหารจัดการ และทักษะความเป็นผู้นำ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก แม้กระทั่งการตำหนิลูกทีมเรื่องเดียว ก็เต็มไปด้วยศิลปะ และมีกลยุทธ์ ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ
อย่าบั่นทอนความเชื่อของคนทำงาน การตำหนิติเตียนเป็นเครื่องมือ ที่มีประสิทธิภาพสำหรับองค์กรก็จริง แต่ถ้าใช้มากใช้บ่อยเกินไป การตำหนิ จะกลายเป็น เครื่องมือ ในการบั่นทอนประสิทธิภาพ การทำงานเสียเอง ในทางบวกช่วยป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำ ในทางลบ กลับกลายเป็นสิ่งกัดเซาะ ความเชื่อมั่นในตัวเองของคนทำงาน
ดังนั้น หากอาศัยการตำหนิให้เป็นประโยชน์ ผู้นำต้องใช้วิจารณญาณ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ดี เจ้านายที่ดุด่าลูกน้องบ่อยๆ คือเจ้านายที่สร้างบรรยากาศ แห่งความหวาดกลัว ให้เกิดขึ้นกับองค์กร จะไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำ ในสิ่งที่สร้างสรรค์แปลกใหม่ เพราะไม่แน่ใจว่า ผลที่ออกมาจะตรงกันข้าม ที่คาดหวังไว้ หรือไม่ ในที่สุดแล้ว ทุกคนจะทำงานกันแบบเอาตัวรอด ไม่มีใครกล้าใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มสูบ
การสร้างสมดุลระหว่างคำติเตียน และคำ ชมเชย จึงเป็นทักษะที่สำคัญยิ่งของผู้นำ นอกจากจะใช้ให้ถูกที่ ถูกคน และถูกเวลาแล้ว ความสำเร็จ และความล้มเหลว ในเรื่องเดียวกัน ต้องหาทางดึงข้อติ และข้อชมออกมา ให้ได้ เพื่อจะใช้มันทั้งสองอย่าง ในเวลาเดียวกัน
อาชีพเจ้านายจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้แต่การตำหนิลูกน้องยังต้องอาศัยกลยุทธ์ไม่น้อยเลย
.จริงไหม
|
|
บ้านมือสอง คอนโด condo บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านเช่า ที่ดิน
วันที่ : 27 มกราคม 2555
จำนวนผู้อ่าน : 4952 ครั้ง
เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ
|
|
|
ขายบ้าน, คอนโด มือสอง, บริษัทนายหน้า, โบรกเกอร์, รับฝากขายบ้าน, ขายบ้าน, realtor, agency, บริษัท ขายบ้าน, ตัวแทน นายหน้า, รับฝากขาย, ซื้อขายบ้าน, ฝากขายบ้าน
นายหน้า ขายบ้าน, บ.นายหน้า ขายบ้าน, โบรกเกอร์, ซื้อขายบ้าน, รับฝากขายบ้าน, ตัวแทนนายหน้า, โบรกเกอร์บ้าน, นายหน้าบ้าน, ตัวแทนบ้าน ขายบ้าน ตกแต่งบ้าน ฟอร์นิเจอร์ ออกแบบ บ้าน ซื้อขาย บ้าน, รับออกแบบ บ้าน, รวมแบบบ้านแบบ บ้าน, ตกแต่งภายใน บ้าน, interior design ออกแบบ บ้าน, interior รับออกแบบ บ้าน,
Architecture รับออกแบบ บ้าน, ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งภายใน, Mudahouse, ตกแต่งภายใน, รับเหมา ก่อสร้างบ้าน, บริษัท ก่อสร้าง
|