|
วิธีการป้องกันและรักษาฝ้า ให้หน้าใสปิ๊ง |
ฝ้าเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสี สร้างเม็ดสีเมลานินออกมามากผิดปกติ ลักษณะของฝ้าจะเป็นผื่นสีน้ำตาลหรือดำบนใบหน้า มักพบบริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก คาง หรือบริเวณที่ถูกแสงแดด เช่น คอและแขน โดยจะเริ่มเกิดขึ้นทีละน้อยๆ ในช่วงอายุระหว่าง 30-40 ปีขึ้นไป พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า
- แสงแดด เชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกระตุ้นให้เกิดฝ้า ทำให้เป็นฝ้ามากขึ้น หรือทำให้ฝ้าเข้มขึ้น ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 - 15.00 น.
- ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนจะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ เช่น ในระหว่างการตั้งครรภ์ ในวัยหมดประจำเดือน และการรับประทานยาคุมกำเนิด
- พันธุกรรม อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า เนื่องจากพบฝ้าได้บ่อยในชาวเอเชียมากกว่าชาวตะวันตก อย่างไรก็ตาม อาจเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมหรือแสงแดดก็เป็นได้
- ยา พบว่าผู้ป่วยที่รับประทานยากันชักบางประเภท จะมีผื่นดำคล้ายฝ้าขึ้นบริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า
- เครื่องสำอาง การแพ้น้ำหอมหรือสีในเครื่องสำอางอาจทำให้เกิดรอยดำคล้ายฝ้าได้
การรักษาฝ้า
ฝ้าตื้นซึ่งเป็นฝ้าที่เกิดขึ้นในชั้นหนังกำพร้าจะตอบสนองต่อการรักษาและหาย เร็วกว่าฝ้าลึกซึ่งเกิดขึ้นในชั้นหนังแท้ วิธีการรักษาทำได้ ดังนี้
- การใช้ยาทาฝ้า เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ฝ้าจางลง ยาทาฝ้าจะลดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีและเร่งเซลล์ผิวหนังชั้นบนให้หลุด ลอกออกไป ยารักษาฝ้ามีหลายชนิด เช่น ยาในกลุ่มสารไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ และคอร์ติโคสเตอรอยด์
ควรใช้ยาทาฝ้าอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจนกว่าฝ้าจะจางลง โดยทาบริเวณที่เป็นฝ้าก่อนนอนทุกคืน เมื่อรอยฝ้าจางหายไป ให้ทาต่อไปสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าเกิดขึ้นอีก ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ยาทาฝ้า เพราะยาเหล่านี้มีผลข้างเคียง หากซื้อยามาใช้เอง อาจทำให้ผิวหน้าเกิดปัญหายิ่งกว่าเดิมได้
ในสมัยก่อนนิยมใช้สารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้า เนื่องจากทำให้ฝ้าจางลงเร็วมาก อย่างไรก็ตาม วงการแพทย์ในปัจจุบันได้พัฒนาสารกลุ่มอื่นขึ้นมาใช้ด้วย เนื่องจากสารไฮโดรควิโนนเป็นสารที่มีผลข้างเคียงสูง คือเป็นสารที่ทำปฏิกิริยากับแสงแดด หากทายาที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนแล้วไม่ทาครีมกันแดด ฝ้าจะดำกว่าเดิม และเมื่อใช้ไฮโดรควิโนนติดต่อกันนานๆ จะเกิดฝ้าถาวร มีลักษณะเหมือนเม็ดงาเล็กๆ ฝังอยู่ในผิวหน้า ฝ้าชนิดนี้จะหนาและเข้มกว่าฝ้าปกติมาก และหากหยุดใช้ไฮโดรควิโนน หน้าจะดำกว่าเดิมอยู่เป็นเวลานาน ฝ้าที่เกิดจากไฮโดรควิโนนต้องรักษาโดยการผลัดเซลล์ผิวประกอบไปด้วย
- การลอกหน้าด้วยสารเคมี อาจทำให้ฝ้าจางลงได้ แต่ควรทำโดยแพทย์ผิวหนังที่มีความชำนาญเท่านั้น
- การรักษาด้วยแสงเลเซอร์และวิธีไอออนโตโฟเรซิส คือการใช้กระแสไฟฟ้าผลักประจุยาเข้าสู่ผิวหนัง ให้ผลการรักษายังไม่แน่นอน และยังไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดได้
การป้องกันการเกิดฝ้า
ทำได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดฝ้า เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ สวมหมวกหรือกางร่ม และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกแดด หากฝ้าเกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิด อาจปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนไปคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น โดยปกติแล้วหากหยุดยาคุมกำเนิด ฝ้าก็จะค่อยๆ จางหายไป เช่นเดียวกับฝ้าที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ก็จะค่อยๆ จางหายไปหลังคลอด
|
|
บ้านมือสอง คอนโด condo บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านเช่า ที่ดิน
วันที่ : 19 มกราคม 2555
จำนวนผู้อ่าน : 1193 ครั้ง
เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ
|
|
|
ขายบ้าน, คอนโด มือสอง, บริษัทนายหน้า, โบรกเกอร์, รับฝากขายบ้าน, ขายบ้าน, realtor, agency, บริษัท ขายบ้าน, ตัวแทน นายหน้า, รับฝากขาย, ซื้อขายบ้าน, ฝากขายบ้าน
นายหน้า ขายบ้าน, บ.นายหน้า ขายบ้าน, โบรกเกอร์, ซื้อขายบ้าน, รับฝากขายบ้าน, ตัวแทนนายหน้า, โบรกเกอร์บ้าน, นายหน้าบ้าน, ตัวแทนบ้าน ขายบ้าน ตกแต่งบ้าน ฟอร์นิเจอร์ ออกแบบ บ้าน ซื้อขาย บ้าน, รับออกแบบ บ้าน, รวมแบบบ้านแบบ บ้าน, ตกแต่งภายใน บ้าน, interior design ออกแบบ บ้าน, interior รับออกแบบ บ้าน,
Architecture รับออกแบบ บ้าน, ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งภายใน, Mudahouse, ตกแต่งภายใน, รับเหมา ก่อสร้างบ้าน, บริษัท ก่อสร้าง
|