|
ยาคุม ... ต้องรู้ |
หนึ่ง ในวิธีคุมกำเนิดที่ง่าย มีประสิทธิภาพดี และได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับคุณผู้หญิงก็คือ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดค่ะ แต่ผู้หญิงหลาย ๆ คนยังใช้ยาคุมไม่ถูกต้อง หรือไม่รู้ว่าควรกินเมื่อไหร่ อย่างไร
ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจของทั่วโลก รวมทั้งบ้านเรากำลังแย่ลง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สูงขึ้น มีคนว่างงานมากขึ้น การตั้งครรภ์โดยไม่ได้วางแผน อาจก่อให้เกิดปัญหากลุ้มใจให้กับหลาย ๆ คน การคุมกำเนิดอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นได้ค่ะ
การคุมกำเนิดในปัจจุบันมีหลายวิธี เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การฉีดยาคุมกำเนิด การใส่ห่วงคุมกำเนิด การฝังยาคุมกำเนิด และการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ส่วนการจะเลือกใช้วิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับระยะห่างของการจะมีบุตร และข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
สำหรับหลาย ๆ คนที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่ มาทำความรู้จักและใช้ยาตัวนี้ให้ถูกต้องและปลอดภัยกันดีกว่าค่ะ
4 ชนิดของยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined pills) : ยาทุกเม็ดมีส่วนประกอบของเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนในขนาดเท่ากันทุกเม็ด โดยใน 1 แผง มี 21 เม็ด และ 28 เม็ด โดยแบบหลังนี้ 7 เม็ดสุดท้ายจะเป็นวิตามิน แป้ง หรือธาตุเหล็ก เหมาะกับคนที่ขี้ลืมค่ะ ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ไม่ได้ส่งผลแตกต่างกันแต่อย่างใดค่ะ
ยาคุมกำเนิดชนิดเลียนแบบธรรมชาติ (Sequential pills) : ยา 15-16 เม็ดแรก ประกอบด้วยเอสโตรเจนอย่างเดียว ส่วน 4-5 เม็ดหลังจะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนด้วย ปัจจุบันยาคุมประเภทนี้ไม่ได้ใช้แล้ว เนื่องจากมีอาการข้างเคียงมาก และประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดไม่แน่นอน
ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว ( Mini pills) : ปัจจุบันใช้ในคุณแม่ที่ให้นมบุตรค่ะ เพราะไม่ลดปริมาณน้ำนม
ยาคุมกำเนิดชนิดชั่วคราว หรือที่รู้จักในนามยาคุมฉุกเฉิน ( Post coital ormorning after pill) : ไม่ควรใช้ติดต่อกัน หรือใช้แทนการคุมกำเนิดทั่วไปค่ะ เพราะประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดต่ำ อาจมีเลือดออกผิดปกติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกค่ะ
เริ่ม...อย่างไรดี
สำหรับผู้ที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอ สามารถเริ่มยาคุมกำเนิดได้ภาย 5 วันตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนค่ะ อาจจะเริ่มกินตั้งแต่วันแรกที่มีเลยก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเลยวันที่ 5 ไปแล้ว ก็ต้องรอรอบต่อไปค่ะ แต่หากในรายที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอควรปรึกษาแพทย์ก่อน ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้แนะนำ และอาจมีการตรวจการตั้งครรภ์ก่อนให้เริ่มยาค่ะ
ใช้ถูก...ไร้ปัญหา
สิ่งสำคัญก็คือควรรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกวัน เพื่อประสิทธิภาพของการคุมกำเนิด และถ้าลืมรับประทานยาให้ปฏิบัติดังนี้ค่ะ
ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ และรับประทานยาเม็ดต่อไปตามปกติ ถ้านึกได้เมื่อถึงเวลารับประทานยาเม็ดถัดไป ให้รับประทานยา 2 เม็ดพร้อมกัน
ถ้าลืมรับประทานยา 2 เม็ดติดกัน ควรรีบรับประทานยา 2 เม็ด เมื่อนึกได้ และรับประทานยาอีก 2 เม็ด ในวันต่อไป และควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยค่ะ
ถ้าลืมรับประทานยามากกว่า 2 เม็ด ให้หยุดรับประทานยา แล้วคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น ใช้ถุงยางอนามัย จนกว่าจะมีประจำเดือนถึงเริ่มยาคุมแผงใหม่ค่ะ
เมื่อรู้จักกันดีมาขึ้นแล้ว คราวนี้คุณคงเลือกใช้ยาคุมกำเนิดได้อย่างมั่นใจมากขึ้นกันแล้วนะคะ....
ความเชื่อ กับ ความจริง ของยาเม็ดคุมกำเนิด
รับประทานยาคุมแล้วอ้วน ไม่จริงเสมอไป
20-25 % พบว่าจะมีน้ำหนักขึ้นประมาณ 2 กก. ในปีแรก หลังจากนั้นมักจะไม่ขึ้นอีก
60 % พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก
15-20 % พบว่าน้ำหนักลดประมาณ 2 กก.
ปัจจุบันมียาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนต่ำ (Ultra low dose) ซึ่งมีผลต่อน้ำหนัก ตัวน้อยให้เลือกใช้ได้ค่ะ
รับประทานยาคุมมานานต้องพักมดลูกบ้าง ไม่จริง
การรับประทานยาคุมติดต่อกันไม่ได้ทำให้มดลูกแห้ง และไม่ได้ทำให้ความสามารถในการมีบุตรลดลงค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นการหยุดยาคุมเป็นพัก ๆ และเริ่มต้นใหม่อาจทำให้มีผลข้างเคียงมากกว่า เพราะอาการข้างเคียงมักเกิดในช่วง 2-3 เดือนแรกทีเริ่มรับประทานยา แต่ถ้ารับประทานต่อเนื่องอาการข้างเคียงมักบรรเทาหรือหายไป ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพักมดลูก หรือหยุดยาเป็นพักๆ ค่ะ
รับประทานยาคุมกำเนิดนานทำให้มีลูกยาก ไม่จริง
ความเข้าใจผิดนี้ น่าจะมาจากผู้หญิงบางกลุ่มที่รับประทานยาคุมนาน จนกระทั่งพร้อมจะมีบุตร และตัดสินใจหยุดยาคุมเมื่ออายุ 30 ปีหรือมากกว่า ซึ่งความสามารถในการตั้งครรภ์ในกลุ่มอายุนี้ลดลงอยู่แล้ว ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเพราะยาคุมกำเนิด
อีกสาเหตุหนึ่ง ผู้หญิงหลายคนมีโรคที่เป็นสาเหตุที่ทำให้บุตรยากอยู่แล้ว เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเนื้องอกมดลูก (Myoma Uteri)
รับประทานายาคุมกำเนิดแล้วทำให้เป็นมะเร็ง ไม่จริงเสมอไป
จริง ๆ แล้วยาเม็ดคุมกำเนิดมีส่วนในการป้องกันเกิดมะเร็งรังไข่ และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ค่ะ แต่เพิ่มอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งปากมดลูกเล็กน้อย ซึ่งอาจเกิดจากผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด มักไม่ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อ HPV (Human Papiloma Virus) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้มากกว่า และพบว่าผู้หญิงที่อายุมากกว่า 35 ปี และสูบบุหรี่ด้วยจะมีความเสี่ยงมากขึ้น
สำหรับมะเร็งเต้านมนั้น ผู้ที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และความเสี่ยงจะลดลงเมื่อเลิกใช้
ฉะนั้น แนะนำว่าผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดควร ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปี และหมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอค่ะ
|
|
บ้านมือสอง คอนโด condo บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านเช่า ที่ดิน
วันที่ : 19 มกราคม 2555
จำนวนผู้อ่าน : 1327 ครั้ง
เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ
|
|
|
ขายบ้าน, คอนโด มือสอง, บริษัทนายหน้า, โบรกเกอร์, รับฝากขายบ้าน, ขายบ้าน, realtor, agency, บริษัท ขายบ้าน, ตัวแทน นายหน้า, รับฝากขาย, ซื้อขายบ้าน, ฝากขายบ้าน
นายหน้า ขายบ้าน, บ.นายหน้า ขายบ้าน, โบรกเกอร์, ซื้อขายบ้าน, รับฝากขายบ้าน, ตัวแทนนายหน้า, โบรกเกอร์บ้าน, นายหน้าบ้าน, ตัวแทนบ้าน ขายบ้าน ตกแต่งบ้าน ฟอร์นิเจอร์ ออกแบบ บ้าน ซื้อขาย บ้าน, รับออกแบบ บ้าน, รวมแบบบ้านแบบ บ้าน, ตกแต่งภายใน บ้าน, interior design ออกแบบ บ้าน, interior รับออกแบบ บ้าน,
Architecture รับออกแบบ บ้าน, ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งภายใน, Mudahouse, ตกแต่งภายใน, รับเหมา ก่อสร้างบ้าน, บริษัท ก่อสร้าง
|