|
พันธุ์ไม้ที่ใช้เป็นยารักษาโรค |
น้ำใจใคร่ (Olax scandens Roxb.)
น้ำใจใคร่เป็นพืชสมุนไพรซึ่งบางพื้นที่เรียกว่า กระทกรก พบขึ้นทั่วไปทุกภาค ลักษณะเป็นไม้รอเลื้อยที่แตกกิ่งก้านสาขามากมีขนละเอียดสีขาวอยู่ทั่วลำต้นและมักมีหนามตามกิ่งแก่ๆ ใบเดี่ยวสีเขียวเป็นมันรูปขอบขนาดแกมใบหอก ขนาดกว้าง ๒ - ๓ ซม. ยาว ๕ - ๗ ซม. ดอกเป็นช่อสั้นๆ ออกดอกสีขาวตามซอกใบพร้อมๆ กันเกือบทั้งกิ่งมีกลีบดอก ๕ - ๖ กลีบ กลิ่นหอม ผลรูปไข่ปลายแหลมเล็กน้อย ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑ - ๑.๕ ซม. ผลสุกสีเหลือง หรือส้มรับประทานได้ ชาวบ้านรับประทานใบและยอดอ่อนๆ เป็นผัก
น้ำใจใคร่มีสรรพคุณทางสมุนไพร ลำต้นใช้ทำยาต้ม แก้โรคไตพิการ และโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ เปลือกเป็นยาแก้ไข้
ราชดัด (Brucea javanica Merr.) ราชดัดเป็นพืชวงศ์เดียวกับสีฟันคนทาและประทัดใหญ่ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่สำคัญพบในป่าโปร่งทุกภาค มีชื่ออื่นที่ใช้เรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ทางภาคใต้เรียกว่า กะดัด หรือฉะดัด ภาคกลางเรียกว่า ดีคน ตราดเรียกว่า พญาดาบหัก เชียงใหม่เรียกว่า กาจับหลัก หรือมะดีควาย
ลักษณะของราชดัดเป็นไม้พุ่มใหญ่ สูง ๒ - ๓ เมตร ทรงพุ่มโปร่ง ใบประกอบแบบขนนก มีก้านใบยาว เรียงสลับอยู่ห่างๆ ใบย่อยแต่ละใบเป็นรูปไข่แกมรูปใบหอก หรือรูปรี ปลายแหลม ขอบจัก มีขนนุ่มๆ ทั้ง ๒ ด้าน ดอกเล็กๆ สีน้ำตาลแกมแดง ออกดอกเป็นช่อยาวๆ ตรงซอกใบ ผลรูปใข่ปลายแหลม ขนาดเล็ก เมื่อแห้งจะมีสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ผิวย่น คล้ายเมล็ดมะละกอแห้ง ปัจจุบันมีปลูกตามสวนสมุนไพรเกือบทุกแห่ง เนื่องจากผลราชดัดเป็นยารักษาโรคบิด แก้ท้องเสีย และแก้ไข้ได้ดี นอกจากนี้ ใบยังใช้ถอนพิษสัตว์กัดต่อยได้ด้วย
สลัดใด (Euphorbia antiquorum Linn.) สลัดใดเป็นพันธุ์ไม้วงศ์เดียวกับมะยม พบในที่แห้งแล้งทั่วไป ลำต้นอวบน้ำเป็นแท่งสีเขียวมีหนาม มักจะไม่ค่อยมีใบ จึงทำให้มีลักษณะคล้ายกระบองเพชร และมักจะเข้าใจกันว่าเป็นกระบองเพชรชนิดหนึ่งเสมอ มีข้อแตกต่างที่ใช้สังเกตได้ คือ สลัดไดมียางสีขาวขุ่น เมื่อทำให้เกิดบาดแผลแม้เพียงเล็กน้อย น้ำยาสียาวจะไหลออกมาทันที แต่กระบองเพชรไม่มียาง นอกจากนั้น ดอกของสลัดไดจะมีขนาดเล็ก สีเหลืองหรือเหลืองอมเขียว ขนาดเล้นผ่านศูนย์กลางดอกไม่ถึง ๑ ซม. คล้ายดอกไม้ชั้นเดียว แต่ส่วนที่เห็นเป็นกลีบๆ นั้นคือใบประดับ ขณะที่ดอกกระบองเพชรมีขนาดใหญ่กว่ามาก และมีกลีบ ดอกจำนวนมากเรียงซ้อนกัน
ลำต้นสลัดใดเป็นแท่งสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมมีสันเป็นแนวตรง มีใบเล็กๆ ซึ่งมักจะหลุดร่วงง่าย นำมาปลูกเป็นรั้ว หรือปลูกด้านนอกของกำแพงรั้วบ้าน เพื่อกันคนและสัตว์ เนื่องจากต้นแข็งและมีหนามแหลมคม
ยางสลัดใบมีพิษ หากสัมผัสกับผิวหนังอาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง เป็นผื่นคัน หรือกัดผิว ตำรายาไทยใช้ยางกัดหูดตามผิวหนัง ซึ่งจากผลการวิจัยในปัจจุบันพบว่า มีสารร่วมก่อมะเร็งในน้ำยาง จึงไม่ควรนำมาใช้ ต้นที่แก่จัดลำต้นจะมีแก่นแข็งข้างใน เมื่ออายุประมาณ ๑๐ ปีขึ้นไป ต้นจะตายลง แต่แก่นแข็งๆ ยังอยู่ มีลักษณะเหมือนไม้แห้งๆ สีน้ำตาล มีกลิ่นหอมและรสขม เรียกว่า กะลำพัก ใช้ทำยาแก้ไข้ได้ดี
ไข่เน่า (Vitex glabrata R. Br.) ไข่เน่าเป็นไม้ต้นในวงศ์เดียวกับสักและผกากรอง มีชื่ออื่นที่เรียกกันคือ คมขวาน และผรั่งโคก พบในป่าเบญจพรรณทั่วไป ขนาดต้นสูง ๑๕ - ๒๐ เมตร มีใบประกอบแบบฝ่ามือขนิด ๕ ใบย่อย สีเขียวเข้ม ดอกสีม่วงอ่อนเป็นช่อตรงซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ผลรูปไข่ ยาว ๒ - ๓ ซม. เมื่อสุกมีสีม่วงดำ เนื้อนุ่ม สันนิษฐานว่า ชื่อไข่เน่าคงจะมาจากลักษณะและสีของผล นั่นเอง ผลสุกรับประทานได้ แต่รสหวานเอียนไม่อร่อย ถ้าไส่เกลือป่นหรือจิ้มเกลือจะมีรสชาติดีขึ้น ไข่เน่าขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด
เนื้อไม้ของไข่เน่าแข็ง ใช้ทำเครื่องเรือนและของใช้ต่างๆ เปลือกต้นซึ่งมีรสฝาด ใช้แก้ท้องเสีย แก้บิด แก้ไข ขับพยาธิในเด็ก รากใช้แก้ท้องเสีย และเป็นยาเจริญอาหาร
ชิงช้าชาลี (Tinospora cordifolia Miers) ทางภาคเหนือเรียกพันธุ์ไม้เลื้อยชนิดนี้ว่า จุ่งจะลิง หรือจุ่งจะลิงตัวแม่ อยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกับบอระเพ็ด ซึ่งคนไทยรู้จักเป็นอย่างดีในเรื่องความขม และการใช้เป็นยาแก้ไข้ ชิงช้าชาลีเป็นไม้เลื้อย ลำเถายาว แต่มีปุ่มปมน้อยกว่าบอระเพ็ด พบมากในภาคกลาง ขึ้นเลื้อยพันตามต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มในป่าละเมาะ แม้แต่ที่รกร้างรอบๆ กรุงเทพฯก็สามารถพบได้ ใบเดี่ยวเป็นรูปหัวใจ ขนาดกว้างยาวประมาณ ๕ - ๑๐ ซม. ดอกสีเหลืองเล็กๆ ออกเป็นช่อยาวตามข้อและที่ซอกใบ ผลกลมขนาดเล้กอยู่เป็นกลุ่มๆ เมื่อสุกจะมีสีเหลือง
ชิงช้าชาลีมีรสขมเช่นเดียวกับบอระเพ็ดตำรายาไทยใช้ลำต้นแก้ไข้ บำรุงธาตุ และเป็นยาเจริญอาหาร ใบสดใช้แก้ปวดและถอนพิษแต่การวิจัยปัจจุบันพบว่า ไม่มีฤทธิ์แก้ไข้ กรด (Combretum tetralophum Clarke) กรดเป็นพันธุ์ไม้วงศ์เดียวกับสะแก และหูกวาง ภาคกลางเรียกว่า กรด หรือเถาวัลย์กรดภาคเหนือเรียกว่า พุ่มกด แต่ทางภาคใต้เรียกว่า สะใภ้น้ำ ขึ้นตามริมลำธาร ตามป่าพรุน้ำจืด และป่าชายเลน ลักษณะเป็นไม้เลื้อยหรือรอเลื้อยลำต้นแข็ง มีเกล็ดบางๆ สีน้ำตาลแกมแดงอยู่เต็มตามส่วนที่ยังอ่อน เช่น ปลายๆ กิ่ง ใบอ่อนและช่อดอก ใบเดี่ยว รูปรีปลายแหลม เนื้อใบบาง ยาว ๑๐ - ๑๘ ซม. ออกเป็นคู่ตรงข้ามช่อดอกออกทั้งซอกใบและปลายกิ่ง ดอกเล็กสีเหลือง สีขาวนวล หรือสีเขียวอมขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผลรูปรีมีสันเป็น ๔ พู เมื่อแก่จัดสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ภายในผลมีเมล็ดเพียง ๑ เมล็ด
ตำรายาไทยใช้เปลือกต้นและรากเป็นยาสมานลำไส้ แก้บิด แก้ท้องร่วง ผลเป็นยาขับพยาธิไส้เดือน หรือต้มทำยาอมแก้ปากเปื่อย
สมอ (Terminalia spp.) พันธุ์ไม้ที่เรียกว่า สมอ ส่วนมากหมายถึงพันธุ์ไม้ในวงศ์และสกุลเดียวกับหูกวาง ๓ ชนิด คือ สมอไทย สมอพิเภก และสมอดีงู ต่างก็เป็นสมุนไพรที่ใช้ผลดิบเป็นยาระบาย ชาวบ้านโดยเฉพาะผู้สูงอายุมักรับประทานเป็นประจำเพราะเชื่อว่าไม่มีพิษภัย และจะช่วยให้ไม่เจ็บป่วยด้วย เป็นไม้ต้นซึ่งพบอยู่ตามป่าในภาคต่างๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ในภาคใต้จะพบสมอดีงูมากกว่าสมอชนิดอื่น สมอเป็นไม้ผลัดใบ ซึ่งจะออกดอกหลังจากที่ใบอ่อนเริ่มผลิใหม่ดอกเล็กสีขาว หรือเหลืองอ่อน ออกเป็นช่อยาวๆ ตรงซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ผลเป็นแบบที่มีเนื้อรูปร่างลักษณะของผลสมอแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างชัดเจน ผลสมอไทยมีรูปป้อมๆ ผิวเกลี้ยงไม่มีขนขนาดกว้าง ๒ - ๓ ซม. ยาว ๓ - ๔ ซม. เมื่อผลแก่จะมีสีเขียวอมเหลือง ผลแห้งสีดำ ผลอ่อนใช้เป็นยาระบาย ขับเสมหะ และแก้ไข้ ผลที่แก่และดิบใช้รับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริก
ผลของสมอพิเภกค่อนข้างกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๒ ซม. ผิวมีขนนุ่มสีน้ำตาล หรือน้ำตาลแกมgหลืองปกคลุมอยู่ทั้งผลมีสันตามยาว ๕ สัน มักออกรวมกันเป็นพวงๆ ที่ปลายกิ่ง ผลอ่อนมีรสเปรี้ยว ใช้เป็นยาระบาย ผลสุกจะมีรสฝาดใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย และเป็นยาเจริญอาหาร ส่วนผลแห้งใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้ไอ
สมอดีงู หรือสมอหมึกมีผลค่อนข้างยาวหัวและท้ายแหลมคล้ายผลสมอของจีน รสฝาดและขม ผลสุกสีม่วงแกมเขียว ตำรายาไทยใช้ผลอ่อนเป็นยาระบาย แก้โลหิตเป็นพิษ และแก้ไข้
สมอทั้ง ๓ ชนิดนี้ เปลือกต้นและผลดิบมีสารฝาด จึงใช้ในการย้อมแหอวนให้มีสีเข้มและใช้ได้ทนทาน เพราะสารฝาดช่วยลดการเสื่อมสภาพของด้ายหรือเชือกที่ใช้ทำแหและอวน โดยเฉพาะสมอพิเภก เปลือกและผลใช้ย้อมผ้าให้เป็นสีเขียวขี้ม้า
ในวรรณคดีกล่าวถึงสมอต่างๆ ในกลุ่มของพืชที่ใช้เป็นยาเสมอ เช่น ใน นิราศสุพรรณตอนหนึ่ง
มหาสดำคำไก่ต้น ทนดี หางตะเค่เนรพุศรี ซ้มกุ้ง ชาเลือดเหมือนคนมี สมอพิเภก เอกเอย ลมป่วนหวนหอมฟุ้ง เปลือกใช้ใบยา |
|
บ้านมือสอง คอนโด condo บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านเช่า ที่ดิน
วันที่ : 19 มกราคม 2555
จำนวนผู้อ่าน : 1414 ครั้ง
เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ
|
|
|
ขายบ้าน, คอนโด มือสอง, บริษัทนายหน้า, โบรกเกอร์, รับฝากขายบ้าน, ขายบ้าน, realtor, agency, บริษัท ขายบ้าน, ตัวแทน นายหน้า, รับฝากขาย, ซื้อขายบ้าน, ฝากขายบ้าน
นายหน้า ขายบ้าน, บ.นายหน้า ขายบ้าน, โบรกเกอร์, ซื้อขายบ้าน, รับฝากขายบ้าน, ตัวแทนนายหน้า, โบรกเกอร์บ้าน, นายหน้าบ้าน, ตัวแทนบ้าน ขายบ้าน ตกแต่งบ้าน ฟอร์นิเจอร์ ออกแบบ บ้าน ซื้อขาย บ้าน, รับออกแบบ บ้าน, รวมแบบบ้านแบบ บ้าน, ตกแต่งภายใน บ้าน, interior design ออกแบบ บ้าน, interior รับออกแบบ บ้าน,
Architecture รับออกแบบ บ้าน, ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งภายใน, Mudahouse, ตกแต่งภายใน, รับเหมา ก่อสร้างบ้าน, บริษัท ก่อสร้าง
|