กินเจตามแฟชั่นระวังอ้วนความดัน

นายสง่า ดามาพงษ์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)

เตือนคนกินเจในเทศกาลถือศีลกินเจ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 10-19 ตุลาคม ว่า ส่วนใหญ่มักกินเจตามแฟชั่น ไม่เข้าใจแก่นแท้หรือหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง จึงกินแบบผิดๆ ถูกๆ และกินเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่การมุ่งทำความดี หลายคนเข้าใจว่าเป็นเทศกาลแห่งการกินผักอย่างเดียว จนไม่ได้คำนึงการกินอาหารอื่นให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะหมู่อาหารที่ให้สารโปรตีน ซึ่งมีความจำเป็นในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ให้ร่างกายเจริญเติบโตและสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ซึ่งมีในเนื้อสัตว์มากกว่าในพืช 

คนที่ขาดความรู้เรื่องการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการในช่วงกินเจ ระวังน้ำหนักจะเพิ่ม พุงจะยื่น เพราะจากการสำรวจอาหารเจที่ขายในตลาด พบว่าอาหารเจร้อยละ 80 จะปรุงด้วยวิธี ทอด และผัด โดยเฉพาะทอดน้ำมันลอย และผัดที่ใช้น้ำมันเยิ้มๆ แฉะๆ กินมากก็อ้วน เพราะจัดอยู่ในกลุ่มของไขมันที่ร่างกายสะสมได้  

ในช่วงเทศกาลเจจะต้องกินให้เพียงพอ ต้องกินอาหารที่ปรุงด้วยถั่วเมล็ดแห้งและถั่วแปรรูป เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีคุณค่าเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์เมื่อกินกับข้าว ส่วนอาหารที่ทำเลียนแบบเนื้อสัตว์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ขาหมู เป็ดย่าง ไส้กรอกหมู ส่วนมากทำมาจากแป้ง ซึ่งให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรต มีโปรตีนน้อย กินมากมีแต่อ้วนกับอ้วน

ควรกินให้หลากหลายชนิด เน้นอาหารต้ม นึ่ง ย่าง ยำ สิ่งที่ต้องย้ำเตือนอีกเรื่องคือ อาหารเจมักมีรสเค็มเพราะปรุงด้วยซอส ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว เกลือ ซึ่งล้วนเป็นเครื่องปรุงรสที่ให้ความเค็มและมีโซเดียมสูง การกินเค็มจัด ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้ พืชผักต้องล้างให้สะอาด เพราะอาจได้รับสารปนเปื้อน ปกปิดภาชนะบรรจุอาหารป้องกันฝุ่นและแมลงไต่ตอม 

          เทศกาลถือศีลกินเจ มีหลายคนที่ใช้โอกาสเป็นจุดเริ่มต้นในการทำความดี สร้างสิ่งเป็นมงคลให้กับชีวิตเพราะการถือศีลกินเจ จะทำให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีไปด้วย