จากกระแส "หัวหินฟีเวอร์" หลังเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มฝั่งทะเลอันดามัน ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติเริ่มหันมาเที่ยวฝั่งอ่าวไทยกันมากขึ้น แหล่งเที่ยวที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วเลยยิ่งบูมมากขึ้นไปอีก ดีเวลอปเปอร์หญิงที่ไม่ยอมตกกระแส อย่าง "สุนัทที เนื่องจำนงค์" บิ๊กบอส ไพร์ม เนเจอร์ กรุ๊ป เลยไม่รอช้าอาสาสานฝันให้ลูกค้ากลุ่มไฮโซฯเกรดพรีเมี่ยมลองมาลิ้มลอง "บ้านพักตากอากาศ" ฝีมือตัวเองสักครั้ง เธอจึงเปิดตัวโครงการ "ไพร์มเนเจอร์ หัวหิน" บ้านริมทะเลระดับหรูเริ่ด โดยเน้นการออกแบบภูมิสถาปัตย์ (landscape) จากมืออาชีพ "ปรีดาพนธ์ บัณฑิตยานนท์" แห่งแลนด์สเคป อาร์คิเต็ค 49 (L49) ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง landscape ติดอันดับ และเคยร่วมงานกันมาแล้วจากโครงการไพร์มเนเจอร์ อ่อนนุช "โจทย์สำคัญของไพร์มเนเจอร์ หัวหิน คือการทำบ้านพักตากอากาศ สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบน และพยายามคงเอกลักษณ์ของหัวหินไว้ให้มีความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด ผมดึงเอาจุดเด่นของพื้นที่เดิมที่มีสันทรายเก่า ซึ่งเป็นเกราะกำบังโดยธรรมชาติมาใช้ และได้เพิ่มสันทรายให้สูงขึ้นระดับ 4-6 เมตร ให้อารมณ์สร้างบ้านบนสันทราย และนำเอาจุดนี้มาเป็นจุดเด่น เพื่อให้แตกต่างจากโครงการอื่นๆ" เขาอธิบาย ขณะที่ "สุนัทที" ย้ำว่า อยากให้ "ไพร์มเนเจอร์ หัวหิน" เป็นบ้านสำหรับการพักผ่อนของครอบครัวจริงๆ และหวังจะให้เป็นชุมชนเล็กๆ ที่ดูอบอุ่น โดยยึดคอนเซ็ปต์ "ขายที่ดินพร้อมบ้าน" เมื่อเดินเข้าไปภายในโครงการ จะเห็นว่ามีทั้งบ้านหรูและคอนโดมิเนียม low-rise ที่สามารถมองเห็นทะเลได้ทุกยูนิต ที่สำคัญโครงการนี้ยังขาย landscape ที่มีสันทรายสูงดูแปลกไปอีกแบบ "ไพร์มเนเจอร์ หัวหิน" พัฒนาบนเนื้อที่ 102 ไร่ แปลงที่ดินจัดว่าสวยมาก ยิ่งเจ้าของโครงการกล้าควักเงินถึง 2,000 ล้านบาทมาเนรมิตบ้านริมทะเลแบบในฝัน มีหรือเหล่าไฮโซฯจะไม่ชอบ ดังนั้นการตอบรับของลูกค้ากระเป๋าหนักจึงไม่ลังเลที่จะจองซื้อบ้านและคอนโดฯของเธอในช่วงที่ผ่านมา กล่าวถึง landscape ที่ดูมุมไหนก็สวย ในโครงการยังมีพื้นที่ว่างปลูกต้นไม้ท้องถิ่น เช่น ต้นตาล ต้นเสมา ชะคราม ต้นรัก อะกาเว่ และปลูกพืชกินน้ำน้อย อย่างดอกยี่โถ ชบา และผกากรอง เป็นการช่วยลดภาระเจ้าของบ้านในการดูแลรักษา และที่สำคัญเพื่อเพิ่มความสมดุลให้กับธรรมชาติ นอกจาก "ไพร์มเนเจอร์ หัวหิน" จะเป็นโครงการจัดสรรแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกด้วย โดยเจ้าของโครงการใช้รถไฟฟ้า (รถกอล์ฟ) พาสื่อและลูกค้าทัวร์รอบๆ โครงการ ตัวโครงการแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน ส่วนแรกมี 37.97 ไร่ จะสร้างบ้านบนสันทรายสูงหน่อย และมีบ้านให้เลือก 3 แบบ ขนาดที่ดิน 200-400 ตารางวา โดยมี 3 โซน คือ โซน Estrella Hills จำนวนที่ดิน 10 แปลง ราคา 20-30 ล้านบาท/ยูนิต โซน Plama Hills จำนวนที่ดิน 9 แปลง ราคา 20-30 ล้านบาท และโซน Sandal playa โซนบ้านราคาแพงติดทะเล จำนวนที่ดิน 10 แปลง ราคา 60-80 ล้านบาท ยอดขายขณะนี้ขายไป 7 แปลงแล้ว เหลืออีกแค่ 3 แปลง นอกนั้นเป็นบ้านริมทะเลสาบหรือสระบัวบริเวณหน้าบ้าน พื้นที่ 40.88 ไร่ มีเพียง 29 ยูนิต บ้านมี 3 แบบ คือ ขนาดที่ดิน 120-150 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 200-300 ตารางเมตร ราคา 12-20 ล้านบาท/ยูนิต อีกส่วนเป็นคอนโดมิเนียมบนเนิน พื้นที่ 3.43 ไร่ สูง 8 ชั้น มีทั้งหมด 32 ยูนิต จำนวน 2 อาคาร และเพนต์เฮาส์ 4 ยูนิต คอนเซ็ปต์เน้นความเป็นส่วนตัว ตั้งราคาขายต่อตารางเมตรที่ 7 หมื่นถึง 1 แสนบาท เพื่อให้บ้านพักตากอากาศสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เจ้าของโครงการได้กันพื้นที่มากกว่า 40% เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ที่สะดุดตาต้องบอกว่า ที่ดินโครงการที่ติดทะเลนั้นมีหน้ากว้างมากถึง 120 เมตร ส่วนการเดินทางเข้าโครงการก็ไม่ได้ลำบาก เพราะอยู่ใกล้ถนนเพชรเกษมซึ่งเป็นถนนสายหลักของประเทศ โปรโมชั่นช่วงนี้ ใครตัดสินใจจองบ้านหรูไฮโซฯโครงการนี้ รับไปเลย "รถกอล์ฟ" ฟรีๆ แถมส่วนลดเงินสดอีกต่างหาก
|