มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุด ที่รัฐบาลคาดหวังว่าจะช่วยผ่อนคลายความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน และการปรับขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค โดยประกาศปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการเฉลี่ย 5% และปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นวันละ 6 บาท แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าแก้ปัญหาโดยใช้นโยบายประชานิยมเหมือนทุกครั้ง ซึ่งจะเกิดผลเสียในระยะยาว เพราะกระทบปัญหาเงินเฟ้อและต้นทุนของ ธุรกิจ แต่ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินส่วนใหญ่มองว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และน่าจะทำให้กำลังซื้อที่ชะลอตัวลงในช่วงก่อนหน้านี้กลับมาใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดบ้านระดับกลางและล่าง อย่างไรก็ตาม การผลักดันก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ เพื่อหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งนั้น รัฐควรระมัดระวังด้วย อย่ากระตุ้นให้คนรู้สึกว่าต้องเร่งใช้ เร่งซื้อ เพราะจะกลายเป็นกระตุ้นให้เกิดดีมานด์เทียม ทำให้ราคาสินค้าและวัสดุก่อสร้างสูงขึ้นเกินความเป็นจริง จนกระทบการลงทุน นายสิทธิ ภาณุพัฒน์พงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินธานี กรุ๊ป จำกัด ให้ความเห็นว่า เห็นด้วยที่รัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแก้ปัญหาจากการที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้น การลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐต้องไม่โหมกระตุ้นเกินไป จนทำให้เกิดดีมานด์เทียม และเกิดปัญหาเงินเฟ้อ เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจในระยะยาว และอยากให้รัฐกำหนดนโยบายเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวทั้งระบบให้ชัดเจนด้วย "การปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ คิดว่า โอเคนะ แต่อยากให้สัดส่วนการปรับขึ้นของข้าราชการในระดับกลางและระดับล่างมากกว่าข้าราชการในระดับบริหาร เพราะได้รับผลกระทบมากกว่า การปรับอัตราค่าจ้างเพิ่มขึ้นก็ช่วยได้เหมือนกัน" นายสิทธิกล่าวว่า การที่คนระดับกลางและล่างมีรายได้มากขึ้น จะทำให้มีกำลังซื้อบ้านมากขึ้น โดยกลุ่มสินค้าที่จะได้รับผลโดยตรง คือบ้านระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด ที่ขณะนี้ขายดีอยู่แล้ว และยังมีดีมานด์ในตลาดอีกมาก แม้คนกลุ่มนี้จะซื้อบ้านได้ยากขึ้น เนื่องจากสถาบันการเงินคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อ "ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยถูก บ้านระดับราคา 3-4 ล้านบาทขายดีมาก แต่ตอนนี้ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝดราคาต่ำกว่า 2 ล้าน กลับขายดี เพราะคนซื้อบ้านเริ่มมองตัวเองมากขึ้น ประหยัดขึ้น ที่เคยซื้อบ้านหลังละ 3-4 ล้านบาท ก็จะซื้อบ้านหลังเล็กลง เพื่อลดรายจ่าย เพราะมองว่าถ้าเศรษฐกิจดี มีรายได้เพิ่มเมื่อไหร่ ก็ขายบ้านหลังเดิมแล้วซื้อบ้านหลังใหม่ให้ใหญ่กว่าได้ สำหรับคนที่ซื้อบ้านราคาตั้งแต่ 4-6 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการ ได้รับผลกระทบน้อยมาก" นายสิทธิกล่าวว่า ในส่วนของสินธานี กรุ๊ป ที่กำลังเปิดขายบ้านแฝดและบ้านเดี่ยวย่านรังสิต ก่อนหน้านี้สินค้าที่ขายดีเป็นบ้านราคา 3-4 ล้านบาท มีสัดส่วนการขาย 70% อีก 30% เป็นบ้านราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท แต่ 3 เดือนที่ผ่านมานี้บ้านราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท กลับมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 70% อีก 30% เป็นบ้านราคา 3-4 ล้านบาท สอดคล้องกับความเห็นของนายประสงค์ เอาฬาร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรที่มองว่า การปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้าง น่าจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และช่วยผ่อนคลายปัญหาความเดือดร้อนของคนชั้นกลางและผู้มีรายได้น้อยได้มาก เนื่องจากที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้เริ่มไม่มั่นใจในรายได้ พากันชะลอการใช้จ่าย เพราะราคาน้ำมันและราคาสินค้าแพงขึ้นมาก พูดง่ายๆ คือเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เมื่อมีรายได้อื่น เช่น อัตราเงินเดือนที่จะปรับเพิ่มมาชดเชย ก็จะช่วยให้กำลังซื้อกลับคืนมา นายประสงค์กล่าวว่า หากการปรับอัตราเงินเดือนและค่าจ้างมีผลในทางปฏิบัติ คนระดับกลางจะมีความมั่นใจและกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ 1-2 หมื่นบาทต่อเดือน และจากที่กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะซื้อบ้านระดับกลาง-ล่าง ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท/ยูนิต เป็นทาวน์เฮาส์ หรือบ้านเดี่ยวหลังเล็ก เมื่อมั่นใจมากขึ้น ก็น่าจะตัดสินใจซื้อบ้านเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ตลาดบ้านระดับกลาง-ล่างคึกคักขึ้น ส่วนบ้านระดับบนที่ผ่านมาแม้จะชะลอตัวลง แต่ก็ยังขายได้ เรืออากาศเอกกรีกล่าวว่า ตลาดบ้านระดับกลาง-ล่างที่เป็นที่ต้องการของตลาดในขณะนี้ บริษัทได้พัฒนาสินค้าขึ้นมารองรับเช่นเดียวกัน โดยใช้แบรนด์ "คาซ่า วิลล์" บ้านเดี่ยวขนาด 50 ตร.ว. ราคาขาย 3-5 ล้านบาท ซึ่งแบรนด์ใหม่จะเข้ามาแทนแบรนด์วรารมย์ และจะเริ่มทำตลาดภายในไตรมาส 3 ของปี 2549 รายงานแจ้งว่า จากที่ปีนี้บ้านระดับราคาปานกลางขายดีกว่าสินค้ากลุ่มอื่น ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ต่างหันมาให้ความสำคัญกับตลาดนี้มากขึ้น ทั้งออกแบรนด์ใหม่ ปัดฝุ่นแบรนด์เดิมมาใช้ อาทิ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ควอลิตี้ เฮ้าส์, พร็อพ เพอร์ตี้ เพอร์เฟค ฯลฯ ขณะที่เจ้าตลาดระดับกลาง-ล่าง และกลาง อย่างพฤกษา เรียลเอสเตท, เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง, วังทอง กรุ๊ป, เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้, ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ฯลฯ ก็โหมทำตลาดเพื่อเร่งปั๊มยอดขายกันเต็มที่เช่นเดียวกัน |