แม้แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะชะลอตัวลง แต่สำหรับที่ดินในย่านใจกลางเมืองที่เกาะติดแนวรถไฟฟ้า ยังคงเป็นทำเลทองเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินและนักลงทุนจำนวนมาก และนับวันจะยิ่งหายากและมีราคาแพงขึ้น เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพและเหมาะที่จะพัฒนาได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่อยู่อาศัย โครงการในเชิงพาณิชย์ ฯลฯ หนึ่งในจำนวนนั้นคือที่ดินผืนงามที่ดีเวลอป เปอร์หลายรายให้ความสนใจ ขนาด 2 ไร่ 1 งาน 37 ตารางวา (937 ตารางวา) พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเก่า 2 ชั้น บริเวณหัวมุมสี่แยกศรีอยุธยา เขตพญาไท ตั้งอยู่ระหว่างโครงการคอนโดมิเนียม โนเบิลเฮ้าส์ พญาไท ของบริษัท โนเบิล ดีเวลล็อป เมนท์ จำกัด (มหาชน) และอาคารสิริภิญโญ ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครได้กรรมสิทธิ์ไปครอบครองอย่างเป็นทางการ ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ก่อนหน้านี้กรมบังคับคดีได้ปักป้ายประกาศนำที่ดินผืนนี้ออกขายทอดตลาดมาแล้วหลายครั้ง และได้รับความสนใจจากบริษัทพัฒนาที่ดินยักษ์ใหญ่ อาทิ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แสนสิริ ฯลฯ แต่ก็ยังคงไม่สามารถขายออกไปได้ โดยครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้เสนอตัวประมูลหลายรายเสนอราคาสู้กัน ปรากฏว่าบริษัท เทเลบอสส์ จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล เนื่องจากเสนอราคาซื้อสูงสุดกว่า 300 กว่าล้านบาท สูงขึ้นกว่าราคาเริ่มต้นประมูลที่ 148,430,000 บาท กว่าเท่าตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2548 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการโอนที่ดิน บริษัทเทเลบอสส์ฯไม่ยอมมาชำระเงิน เท่ากับว่าสละสิทธิ์ ยอมให้กรมบังคับคดียึดเงินมัดจำ และกรมบังคับคดีจะต้องนำที่ดินแปลงนี้ออกเปิดประมูลใหม่อีกครั้งหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินมรดกตกทอดเก่าแก่ มีผู้ได้รับกรรมสิทธิ์รวม 2 ราย คือนายวสันต์ นฤหล้า ถือครองกรรมสิทธิ์ 66% และนายรัชชปาลซิงห์ นารูลา ถือครองกรรมสิทธิ์ 33% แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงเกิดการฟ้องร้องกันขึ้น และศาลตัดสินให้นำที่ดินออกประมูลผ่านทางกรมบังคับคดี เพื่อนำเงินมาแบ่งกันตามสัดส่วนการถือครองที่ดินตามกรรมสิทธิ์ ตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา กรมบังคับคดีได้นำที่ดินแปลงนี้ออกเปิดประมูลแล้วรวม 7 ครั้ง ทุกครั้งนายวสันต์ ในฐานะโจทก์ ได้แถลงยื่นของดการขายมาโดยตลอด กระทั่งในการประมูลครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548 ที่ผ่านมา ที่มีผู้เสนอราคาสู้กันครั้งแรกหลายราย และมีผู้ประมูลได้ จึงไม่มีการคัดค้านการขาย แต่เกิดปัญหาผู้ชนะการประมูลคือบริษัท เทเลบอสส์ฯไม่ยอมมาชำระเงิน จึงถูกยกเลิกสิทธิที่ชนะการประมูลไปโดยปริยาย นายวสันต์ นฤหล้า ผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินแปลงดังกล่าวเปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีบริษัทพัฒนา ที่ดินได้ติดต่อเข้ามาหลายราย เพื่อขอเจรจาตกลงราคากันนอกรอบ จึงมีการยื่นของดการขายหลายครั้ง ขณะที่ผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมอีกฝ่ายก็อยากให้นำที่ดินออกประมูล เพราะคาดว่าน่าจะได้ราคาดีกว่า "แต่บอกตามตรง ตอนนี้ผมกำลังพยายามเจรจากับอีกฝ่ายเพื่อขอซื้อที่ดินส่วนที่เหลืออีก 33% เอาไว้ เพราะผมเองก็อยู่ในวงการอสังหาฯ ก็รู้ว่าที่ดินแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว อย่างตอนประมูลครั้งล่าสุด ผมก็เข้าไปร่วมด้วย และถ้าผมซื้อที่ดินส่วนที่เหลือได้ บอกเลยว่าถ้ามีคนขอซื้อต่อ ต้องให้ตารางวาละ 1 ล้านบาทถึงจะขาย" นายวสันต์กล่าวว่า แต่ถ้าเจรจาซื้อที่ดินกับผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมอีกฝ่ายไม่สำเร็จ ก็คงจะยื่นคำร้องกับทางกรมบังคับคดีขอนำที่ดินออกประมูลอีกครั้ง ซึ่งน่าประมูลได้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2548 นี้ และครั้งนี้บริษัทที่จะเข้าร่วมประมูลต้องวางเงินล่วงหน้า 20 ล้านบาท ไม่ใช่ 1 ล้านบาทเหมือนครั้งที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะทำให้กลุ่มนายหน้าซื้อ-ขายที่ไม่กล้าเข้ามาอีก เหมือนกรณีของบริษัทที่ชนะประมูลครั้งล่าสุด สุดท้ายก็ไม่ได้มาชำระเงินเพื่อโอนที่ดิน ด้านนายเมธา จันทร์แจ่มจรัส กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ในเครือ บมจ.แสนสิริ ได้กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ทางพลัสฯได้ติดตามและเข้าร่วมประมูลที่ดินแปลงนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยเป็นการเข้าไปในนามแสนสิริ เพราะที่ดินอยู่ในทำเลดี และแปลงค่อนข้างใหญ่น่าจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมก็ได้ แต่ปรากฏว่าได้งดการขายมาตลอด เพิ่งมีครั้งล่าสุดที่เปิดให้สู้ราคากัน บรรยากาศในวันประมูลมีการสู้ราคาอย่างคึกคัก เท่าที่ดูน่าจะมีบริษัทพัฒนาที่ดินยักษ์ใหญ่หลายรายเข้าร่วมประมูล แต่คงส่งตัวแทนเข้ามาสู้ราคา เพราะคงไม่อยากเปิดเผยตัวเองว่าเป็นใคร แต่สุดท้ายเป็นบริษัทโนเนมที่ชนะประมูลไป ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า บริษัทพลัสฯจะเข้าร่วมประมูลที่ดินแปลงนี้อีกหรือไม่ หลังจากผู้ชนะประมูลไม่ได้มาโอนที่ดิน นายเมธาตอบทันทีว่า "นี่ถือเป็นข่าวดีเลยนะ เราจะติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด ถ้ากรมบังคับคดีเปิดประมูลอีกเมื่อไหร่ เราไปแน่" นายเมธากล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ บริษัท เทเลบอสส์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2545 เพื่อประกอบธุรกิจโทรคมนาคม และให้บริการอินเทอร์เน็ตเว็บไซต์ มีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท ชำระแล้ว 250,000 บาท และได้แจ้งงบการเงินเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2546 โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 212,224.99 บาท |