"เรามองว่าภาพรวมตลาดสุขภัณฑ์ปี 2548 ที่ผ่านมาน่าจะเติบโตในระดับ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ส่วนปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้น 8-10% โดยมีปัจจัยราคาน้ำมันเป็นปัจจัยหลักที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป" กมล เลิศศรัทธา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคห์เลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้ผลิตสุขภัณฑ์รายใหญ่ ให้ความเห็น สอดคล้องกับความเห็นของค่ายผู้ผลิตรายอื่น ที่มองคล้ายๆ กันว่า ภาพรวมตลาดปีนี้น่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยที่ 10% มูลค่าตลาดรวมจะอยู่ในระดับ 5,000-6,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้แยกเป็นตลาดระดับบน 30% ตลาดระดับกลาง 50-60% และระดับล่างอีก 10-20% โดยที่ "คอตโต้" มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 30% อเมริกันสแตนดาร์ด 20% โคห์เลอร์ 17% นาม 10% ที่เหลือเป็นแบรนด์อื่นๆ อาทิ สตาร์ โมเก้น ลาทาน่า รวมถึงสุขภัณฑ์นำเข้า ฯลฯ ขณะที่เทรนด์ของตลาดสุขภัณฑ์ในปีหน้า (ปีจอ) ตามความเห็นของผู้ผลิตหลายราย ล้วนให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า จะเห็นเทรนด์การปรับเปลี่ยนของสินค้าจากระดับ "กลาง-บน" มาสู่ระดับ "กลาง" หรือ "กลาง-ล่าง" มากขึ้น "โคห์เลอร์" บุกตลาดกลาง-ล่างต่อเนื่อง จากเกมรุกของ "โคห์เลอร์" ในปี 2548 ที่ผ่านมา ที่พลิกกลยุทธ์จัดเซตสุขภัณฑ์ราคาต่ำสุดเพียง 4,800 บาท เป็นการสะท้อนทิศทางชัดเจนว่า ยักษ์สุขภัณฑ์ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดในอันดับที่ 3 รายนี้กำลังบุกหนัก เป้าหมายก็เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ รวมทั้งหวังลึกๆ ที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดแซงหน้าค่าย "อเมริกันสแตน ดาร์ด" ให้เร็วที่สุด "กมล เลิศศรัทธา" ผู้บริหารสุขภัณฑ์โคห์เลอร์ บอกถึงเป้าหมายในปี 2549 ว่า ยังคงวางเป้าหมายอัตราเติบโตในระดับ 10-15% เท่ากับปี 2548 กลยุทธ์หลักจะเน้นความหลากหลายของสินค้าให้มากขึ้น ครอบคลุมทั้งสุขภัณฑ์ อ่าง และก๊อกน้ำ โดยชูเรื่องเทคโนโลยี และดีไซน์ในรูปแบบของ "artist design" "ตลาดสุขภัณฑ์ระดับบนยังโตได้อยู่ แต่เรามองว่าในปี 2549 จะเห็นเทรนด์ของสินค้าที่ขยับจากเซ็กเมนต์กลาง-บน มาสู่ระดับกลาง-ล่างมากขึ้น หมายถึงสุขภัณฑ์ที่มีระดับราคาเฉลี่ย 3,000 บาทต่อชิ้น" เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนระดับสินค้าแยกตามวอลุ่ม ชัดเจนว่าโคห์เลอร์กำลังต้องการขยายตลาดให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ โดยปัจจุบันโคห์เลอร์มีสัดส่วนสินค้าระดับบน 40% และสินค้าระดับกลาง 60% อาทิ สุขภัณฑ์รุ่น Windham (สีขาว) ที่ลดราคาจาก 5,290 บาท เหลือ 3,950 บาท ก๊อกน้ำรุ่น Eolia Faucet ลดราคาจาก 2,780 บาท เหลือ 2,000 บาท "จริงๆ โคห์เลอร์ก็มีสินค้าตั้งแต่ระดับกลาง-บนอยู่แล้ว เป้าหมายของเราคือขยายสินค้าให้ครอบ คลุมทุกเซ็กเมนต์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเจาะตลาดโครงการด้วย" "นาม" เพิ่มสินค้าเกรดกลาง 10% สำหรับสุขภัณฑ์ "นาม" ที่วางตำแหน่งตัวเองเป็นสุขภัณฑ์ขายดีไซน์ที่ไม่ได้มุ่งเจาะตลาดแมส หลังจากทดลองหยั่งเชิงผลตอบรับตลาดด้วยการจัดเซตสุขภัณฑ์ราคาถูก 4,900 บาท ไปเมื่อปีก่อนและได้รับตอบรับดี บวกกับทิศทางตลาดอสังหาฯ ที่มีการเปิดตัวบ้านเดี่ยวราคาแพงลดลง ทำให้ "นาม" เป็นผู้ผลิตอีกรายที่วางแผนเพิ่มสัดส่วนสินค้าระดับกลางให้มากขึ้น "ในเบื้องต้นคิดว่าปี 2549 เราจะเพิ่มน้ำหนักสินค้าระดับกลางขึ้นอีก 10% ตามแผนปี 2548 เราจะเปิดตัวสุขภัณฑ์ใหม่อีก 2 รุ่น ในจำนวนนี้ 1 รุ่น จะมีราคาประมาณ 5,000 บาท เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ของธุรกิจอสังหาฯ ที่เปิดตัวบ้านระดับกลางกันมากขึ้น" สุเมธ อินทามระ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บริษัท นาม ซานิทารีแวร์ จำกัด (มหาชน) บอกถึงแผนการรุกตลาด การที่ "นาม" เลือกเปิดตัวสินค้าใหม่แทนที่จะจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าที่มีอยู่ เพราะ "สุเมธ" ยอมรับว่า โจทย์ใหญ่ในปี 2549 ของผู้ผลิตสุขภัณฑ์ก็คือ "ต้นทุน" การจะหาวิธีผลิตสินค้าตัวเดิมให้มีต้นทุนลดลงยากกว่าการผลิตสินค้าใหม่ ตอนนี้จึงอยู่ระหว่างการหาจุดสมดุลระหว่างเรื่องดีไซน์กับราคาของสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัว เพราะจุดขายของบริษัทยังเน้นดีไซน์เป็นหลัก "โมเก้น" ปรับแผนรุกส่งออก ด้าน "คอตโต้" ก็เป็นผู้ผลิตสุขภัณฑ์อีกรายที่มองตลาดไม่แตกต่างจากรายอื่น โดยกำหนดทิศทางในการออกสินค้าใหม่ระดับกลาง และกลาง-ล่างมากขึ้น ควบคู่ไปกับการเน้นจัดกิจกรรมการตลาดหน้าร้านสินค้าในปี 2549 อย่างไรก็ตาม "ธนศักดิ์ สาคริกานนท์" ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท สยามซานิทารี แวร์ อินดัสทรี จำกัด ประเมินแนวโน้มตลาดในปี 2549 ว่า คงจะมีการแข่งขันด้านราคาไม่รุนแรงมาก เหตุผลส่วนหนึ่งคือผู้ผลิตมีต้นทุนเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะต้องมีการปรับราคาสินค้าบางรุ่นในช่วงต้นปี เฉลี่ยจะไม่เกิน 5% ส่วนน้องใหม่สุขภัณฑ์ "โมเก้น" ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานสถาปนิก"48 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แม้จะมองเทรนด์ไม่ต่างจากผู้ผลิตรายอื่น แต่ด้วยความสดใหม่บวกกับเพิ่งเริ่มต้นทำตลาด ทำให้ทิศทางในปีหน้ายังคงเน้นจับตลาดระดับกลาง และกลาง-บนเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ทิศทางของเศรษฐกิจบวกกับดีมานด์ในประเทศที่เติบโตในทิศทางชะลอตัว ทำให้ "พีรพัฒน์ ศรีสกุลภิญโญ" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โมเก้น (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่าจำเป็นต้องมีการปรับแผนทำตลาดส่งออก จากแผนเดิมที่ "โมเก้น" ตั้งเป้าจะรุกตลาดส่งออกในช่วงปลายปี 2549 ถึงต้นปี 2550 จะปรับแผนมารุกตลาดในช่วงไตรมาสแรกปี 2549 แทน เป้าหมายคือประเทศแถบตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดีอาระเบีย ดูไบ รวมถึงประเทศแถบเอเชีย อาทิ ไต้หวัน เป็นต้น โดยวางสัดส่วนส่งออกที่ 30% จากยอดขายรวม ขณะที่ "อเมริกันสแตนดาร์ด" มีมุมมองที่ต่างออกไป โดยยืนยันตลาดระดับล่างไม่ใช่เป้าหมายของค่ายนี้ พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงของตลาดอสังหาฯ ที่จะมีการเปิดตัวโครงการบ้านระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์มากขึ้นในปี 2549 เป็นแค่เทรนด์ชั่วคราว ขณะที่การขายหน้าร้านสินค้าระดับกลาง-บนที่เป็นตลาดหลักของค่ายนี้ยังคงขายได้อยู่ ส่วนแนวโน้มการแข่งขันด้านราคาและการจัดโปรโมชั่นในปี"49 ในสายตาของ "อเมริกันสแตนดาร์ด" มองว่าปัจจัยหลักขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจ และการเข้ามาลงทุนในโครงการอสังหาฯของต่างชาติว่าจะมีต่อเนื่องหรือไม่ นี่คือความเคลื่อนไหวของค่ายสุขภัณฑ์ยักษ์ใหญ่เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และรับมือกับการแข่งขันที่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
|