บสท.เดินหน้าแคมเปญ 3 เปิดคลังสมบัติทำเลยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมโซนตะวันออกมูลค่า 1.5 หมื่นล้านทั้งที่ดินเปล่า-โรงงานอุตสาหกรรม รับการขยายตัวการลงทุนระบบลอจิสติกของประเทศภายใน 5 ปีข้างหน้าด้วยงบฯลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านบาท เผยเตรียมคัดทรัพย์แปลงย่อยในมือ 15-20% จากมูลค่าพอร์ต 1 แสนล้านให้เอกชนที่สนใจซื้อยกลอตนำไปพัฒนาเพื่อขายต่อ นายเชาวรัตน์ เชาวน์ชวานิล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาสินทรัพย์ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า บสท.ได้ออก แคมเปญที่ 3 ภายใต้ชื่อโครงการ "เปิดคลังสมบัติ ทำเลยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม" โดยเป็นการรวบ รวมทรัพย์สินกว่า 150 รายการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท ในทำเลโซนตะวันออกซึ่งเป็นเขตอุตสาห กรรมหลักของประเทศออกจำหน่าย โดยเฉพาะทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เขต 1 ในพื้นที่ 6 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพฯ, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เขต 2 อีก 12 จังหวัด อาทิ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก ระยอง เป็นต้น โดย บสท.จะเปิดประมูลทรัพย์ในแคมเปญดังกล่าว 2 รอบ ในวันที่ 23 กันยายนและ 7 ตุลาคม 2548 และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน- 4 ตุลาคมนี้ สำหรับประเภททรัพย์ที่นำออกประมูลในครั้งนี้ อาทิ มินิแฟคตอรี่ ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล โรงงานอุตสาหกรรมติดถนนฉลองกรุง และ โรงงานอุตสาหกรรมติดถนนกรุงเทพกรีฑา ถนนศรีนครินทร์, โรงงานอุตสาหกรรมติดถนนติวานนท์ จ.ปทุมธานี และโรงงานอุตสาหกรรม ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เป็นต้น ส่วนในเขตส่งเสริมการลงทุน เขต 2 ได้แก่ ที่ดินเปล่าในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จ.ฉะเชิงเทรา เนื้อที่ประมาณ 700-800 ไร่ ฯลฯ ทั้งนี้ การคัดทรัพย์ดังกล่าวออกมาจำหน่ายในครั้งนี้เป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจใน เซ็กเตอร์อุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น จากการย้ายฐานการลงทุนของนักลงทุนในต่างประเทศที่มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน และขณะเดียวกันภาครัฐก็มีนโยบายมุ่งเน้นพัฒนาด้านอุตสาหกรรมเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia) โดยให้การสนับสนุนและ ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประเภท hybrid และ eco car โดยวางยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบลอจิสติกและคลังสินค้าของประเทศให้มีความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศในเวทีการค้าโลกในอีก 5 ปีข้างหน้าด้วยงบฯลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท "ผมมองว่าจากวิกฤตน้ำมันแพงในปัจจุบันทำให้ผู้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรมหันมาให้ความสำคัญกับระบบลอจิสติกและคลังสินค้า ซึ่งในอนาคตจะเริ่มมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น บสท.จึงคัดทรัพย์เด่นๆ ที่มีอยู่ออกมาเสนอขายให้กับนักลงทุนที่กำลังมองหาที่ดินหรือโรงงานเพื่อทำเป็นคลังสินค้าภายใต้แคมเปญ "เปิดคลังสมบัติทำเลยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม" ในงานนี้คาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท" นายเชาวรัตน์กล่าว นายเชาวรัตน์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ บสท.อยู่ระหว่างคัดทรัพย์แปลงย่อย อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ บ้านแฝด และที่ดินแปลงย่อย ที่มีอยู่ในพอร์ตประมาณ 15-20% จากมูลค่าทรัพย์ที่มีอยู่ในพอร์ตทั้งสิ้น 1 แสนล้านบาท นำมาจัดกลุ่มเพื่อที่จะมีโอกาสให้ผู้ประกอบการ บริษัทตัวแทนนายหน้า บริษัทรับเหมาหรือผู้สนใจนำไปปรับปรุงหรือพัฒนาเพื่อขายต่อไปใน ราคาและเงื่อนไขที่พิเศษ คาดว่าอีก 2 เดือนจะสามารถสรุปรายละเอียดได้ทั้งหมด "รูปแบบจะคล้ายๆ กับที่ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) ที่เปิดให้เอกชนที่สนใจเข้ามาซื้อแบบยกลอตแล้วเอาไปแต่งเนื้อแต่งตัวใหม่ก่อนนำไปขาย แต่จะต่างจาก ธอส.ตรงที่ทรัพย์ บสท.จะไม่กระจัดกระจายเหมือน ธอส. เพราะส่วนใหญ่จะอยู่เป็นกลุ่มในโครงการจัดสรร" นายเชาวรัตน์กล่าว
|