ถือเป็นการมองข้ามชอตอีกครั้งของยักษ์ใหญ่ในวงการพัฒนาที่ดิน "แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์" เมื่อ "อนันต์ อัศวโภคิน" สั่ง "ธงชัย จิรดิลก" เอ็มดี บริษัท เอเซีย แอสเสท แอดไวซอรี่ จำกัด บริษัทในกลุ่มแลนด์ฯที่รับบทเป็นที่ปรึกษาและบริหารจัดการด้านการลงทุนให้กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 2 ซึ่งเป็นกองทุนที่แลนด์ฯร่วมทุนกับจีไอซีจากสิงคโปร์ ลุยศึกษาตลาดบ้านเช่าย่านใจกลางเมือง หลัง จากที่การลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาฯของทั้ง 2 ฝ่ายสิ้นสุดลงตามเงื่อนไขระยะเวลาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เหลือเพียงแค่หน้าที่ดูแลและบริหารจัดการ โครงการอสังหาฯ ที่ซื้อเข้าพอร์ตในช่วงก่อนหน้านี้ อาทิ โครงการเวฟ เพลส ถนนวิทยุ, ริเวอร์ เฮฟเว่น, เซ็นเตอร์พอยท์ พร้อมพงศ์ เซ็นเตอร์พอยท์ วิทยุ, เซ็นเตอร์พอยท์ สุขุมวิท-ทองหล่อ, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ราชดำริ ฯลฯ โดยที่ไม่สามารถลงทุนผ่านพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์เพิ่มเติมได้อีก เว้นแต่จะตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาลงทุนใน โปรเจ็กต์ใหม่ๆ ทำให้มือบริหารและลงทุนตึกสูงอย่าง "ธงชัย" ต้องทำการบ้านอย่างหนัก ด้วยการศึกษาตลาดบ้านในแนวราบ พร้อมกับหาทางตอบโจทย์ที่บิ๊กบอสของแลนด์ฯตั้งไว้ โดยมีที่ดิน 11 ไร่เศษ ย่านถนนนราธิวาสราชนครินทร์เป็นธงปริศนา ไม่ใช่เรื่องยากหากไม่วางกรอบให้พัฒนาโครงการบ้านเช่าบนที่ดินผืนงามแปลงนี้ เพราะประสบการณ์บวกกับความชำนาญตลาดที่คลุกคลีมานานหลายสิบปี มองเพียงแค่ผิวเผินก็พอจะรู้ว่า ด้วยศักยภาพของที่ดินและสเป็กที่อยู่ในทำเลย่านใจกลางเมือง คงหนีไม่พ้นต้องลงทุนพัฒนาตึกสูง โดยเฉพาะเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่กำลังฮิต ซึ่งแม้จะมีผู้ประกอบการมากหน้าหลายตาลงมาเล่น แต่หากทำเลที่ตั้งโครงการเจ๋งจริงๆ ลูกค้าก็พร้อมจะโผเข้าหา ต้องค้นหาคำตอบ ตอบโจทย์ตลาดบ้านเช่าที่ยังไม่มีใครศึกษาอย่างจริงจัง แม้จะยากแต่ก็คุ้มค่า สุดท้ายก็รู้ว่าตลาดนี้น่าสนใจไม่น้อย แม้ดีมานด์จะมีน้อยแต่ซัพพลายยิ่งน้อยกว่าหรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ จึงน่าจะเรียกได้ว่าตลาดบ้านเช่าย่านใจกลางเมืองเป็นตลาดนิชมาร์เก็ตที่คนส่วนใหญ่มองข้าม แต่แลนด์ฯกลับมองเป็นโอกาส เพราะที่ผ่านมาบ้านเช่าระดับหรูย่านใจกลางเมืองมักจะอยู่ในซอย อาทิ ย่านสุขุมวิท หรือไม่ก็สาทร สวนพลู ฯลฯ แต่อยู่กระจัดกระจายหลายทำเล นอกจากนี้ยังไม่มีการบริหารจัดการในเชิงธุรกิจ ไม่มีบริการรองรับ เนื่องจากผู้ปล่อยเช่าส่วนใหญ่เป็นเจ้าของรายย่อย ถึงยุคที่ต้องใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อปั๊มรายได้เข้าองค์กร เพื่อให้เติบโตและมีรายได้เพิ่มตามเป้าที่ตั้งไว้ แลนด์ฯเลยหันไปมองตลาดบ้านเช่า และหวังจะให้เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำในอนาคต นอกเหนือจากการขายบ้าน คอนโดฯ ตลอดจนรายได้จากการเช่าโครงการอาคารสูง เพราะเป้าหมายของแลนด์ฯคือการมียอดขายเติบโตขึ้นทุกปีเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10-15% โดยปี 2548 ที่ผ่านมาแลนด์ฯมียอดขายรวมทั้งสิ้น 22,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,454 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบกับปี 2547 ซึ่งมียอดขาย 18,291 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,181 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้กว่า 24,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ประมาณ 10% โดยปีนี้จะเน้นให้น้ำหนักธุรกิจให้เช่าเพื่อสร้างรายได้ระยะยาวเพิ่มขึ้น และตั้งเป้าหมายว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จากค่าเช่าจะเพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวม การผนึกกำลังร่วมทุนกับกลุ่มจีไอซี ทุ่มงบฯกว่า 400 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับหรู 37 หลัง ปล่อยเช่าให้กับกลุ่มลูกค้าผู้บริหารบริษัทข้ามชาติยูนิตละ 2.5 แสนบาท/เดือน โดยยอมนำที่ดินแปลงงามผืนใหญ่มาใช้เป็นโปรเจ็กต์นำร่อง แม้จะเป็นการลงทุนที่อาจจะสุ่มเสี่ยง แต่หากสำเร็จก็คุ้มค่าที่จะแลก ด้วยชื่อและชั้นของแลนด์ฯที่เป็นที่ยอมรับในตลาดอยู่แล้ว บวกกับโปรเจ็กต์นำร่องที่พัฒนาขึ้นอย่างพิถีพิถัน และบริการต่างๆ ที่มีพร้อมสรรพแบบไม่เคยมีมาก่อนในตลาดบ้านเช่า แม้จะเป็นบ้านเช่าระดับหรูก็ตาม อย่างน้อยก็คงทำให้แลนด์ฯ ได้ใจลูกค้าชาวต่างชาติไม่น้อย ถึงวันนั้นใครเกิดปิ๊งตลาดนี้ แล้วตัดสินใจกระโดดเข้ามาแจม ยักษ์ใหญ่รายนี้ก็คงก้าวไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
|