แม้จะไม่ใช่ดีเวลอปเปอร์หน้าใหม่ แต่การประกาศขึ้นโครงการใหม่ "เลอ รัฟฟิเน่ ชมพูทวีป สุขุมวิท 39" คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท ของบริษัท เลอ รัฟฟิเน่ 24 จำกัด ในช่วงเวลาที่ทุก คน มองว่าตลาดนี้เหนื่อย ! ถือว่าน่าสนใจและท้าทายอย่างยิ่ง ด้วยราคาขายระดับ 9 หมื่น-1.3 แสนบาทต่อตารางเมตร แต่ละยูนิตมีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 200 กว่าตารางเมตร ไปจนถึง 300 กว่าตารางเมตร ทำให้ราคาขายห้องพักในโครงการนี้มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 22-30 กว่าล้านบาท ขณะที่ห้องแบบเพนต์เฮาส์ ซึ่งอยู่บนชั้นที่ 34 หรือชั้นบนสุด ที่มีพื้นที่ใช้สอย 700 กว่าตารางเมตร ราคาโดดไปถึง 84 ล้านบาท อาจเรียกได้ว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดในตอนนี้ "ภาสุร์ เตียวตรานนท์" ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท เลอ รัฟฟิเน่ 24 จำกัด ผู้บริหารหนุ่มทายาทเจ้าของโครงการในวัย 29 ปี บอกด้วยท่าทีมั่นใจว่า การทำคอนโดฯระดับไฮเอนด์ สำคัญอยู่ที่รูปแบบและคอนเซ็ปต์ เพราะจริงๆ แล้วดีมานด์ในแถบสุขุมวิทยังไม่ตก นอกจากคนไทยก็ยังมีลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อเพื่ออยู่เองหรือซื้อเพื่อปล่อยเช่าก็ยังมีต่อเนื่อง นั่นเป็นเหตุผลให้ตัดสินใจเดินหน้าคอนโดฯ "เลอ รัฟฟิเน่ ชมพูทวีป สุขุมวิท 39" ต่อเนื่อง หลังจากเมื่อช่วงกลางปี 2547 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวโครงการคอนโดฯ "เลอ รัฟฟิเน่ สุขุมวิท 31" จำนวน 45 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 348-800 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 30-62 ล้านบาท ซึ่งเป็นบิ๊กโปรเจ็กต์แรกที่บริษัทกลับมาเปิดตัวอีกครั้ง หลังจากเว้นวรรคการทำโครงการไปพักใหญ่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ โดยวางคอนเซ็ปต์ให้เป็นคอนโดฯดูเพล็กซ์แบบ 2 ชั้น พร้อมสระว่ายน้ำทุกยูนิต เสมือนยกบ้านมาไว้ในคอนโดฯ ล่าสุดมียอดจองแล้ว 35 ยูนิต หลังเปิดขายมาได้ประมาณ 1 ปี และเหลือขายอีก 10 ยูนิต ประเมินจากยอดขายถือว่าโครงการที่สุขุมวิท 31 มีลูกค้าต่างชาติสนใจเยอะทีเดียว ถ้าคิดจากสัดส่วน 49% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดในโครงการที่ขายให้ลูกค้าต่างชาติ ถึงตอนนี้เหลือขายได้อีกเพียงแค่ 4 ยูนิต ในจำนวนนี้มากที่สุดเป็นลูกค้าชาวอเมริกัน จองไปทั้งหมด 8 ยูนิต อังกฤษ 6 ยูนิต รวมถึงลูกค้าจากตะวันออกกลางซึ่งเป็นกลุ่มทุนใหม่ที่น่าจับตามอง โดย 30% ของลูกค้าต่างชาติในโครงการนี้ ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า ซึ่งจะได้ค่าเช่าเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อเดือน และหากเป็นห้องระดับเพนต์เฮาส์อาจสูงถึง 5 แสนบาทต่อเดือน ค่าเช่าที่สูงลิบขนาดนี้น่าสนใจว่าตลาดจะมีความต้องการมากแค่ไหน แต่ผู้บริหารหนุ่มก็ตอบคำถามสั้นๆ ว่า "ดีมานด์เช่าคอนโดฯระดับนี้จะเป็นกลุ่มผู้บริหารเบอร์ 1, 2, 3 ของบริษัทข้ามชาติ ซึ่งต้องการคอนโดฯที่เป็นส่วนตัวมากๆ" ด้วยเหตุผลนี้ โครงการล่าสุดในซอยสุขุมวิท 39 จึงมีกลิ่นอายของคอนเซ็ปต์เดิม โดยคอนโดฯสูง 34 ชั้น บนเนื้อที่เกือบ 2 ไร่ ครึ่งหนึ่งจะเป็นคอนโดฯแบบ 2 ชั้น และอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นแบบชั้นเดียว ภายใต้สไตล์การตกแต่งแบบไทยๆ อันเป็นที่มาของชื่อ "ชมพูทวีป" ซึ่งยังไม่ทันได้เปิดขายเป็นทางการ ก็มีลูกค้าต่างชาติสนใจจองแล้ว 3 ยูนิต "ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ภาครัฐปรับสัดส่วนการขายคอนโดฯให้ลูกค้าต่างชาติ ใจจริงผมอยากได้ถึง 60% อาจกำหนดเป็นโซนนิ่งก็ได้ เพราะย่านสุขุมวิทโดยเนเจอร์เป็นลูกค้าต่างชาติเยอะ" การมีลูกค้าซื้อลงทุนปล่อยเช่าทำให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ ในปีหน้า "ภาสุร์" ตั้งใจจะแตกบริษัทใหม่ในเครือ เพื่อทำธุรกิจบริหารงานเช่าให้กับลูกค้าโดยเฉพาะ จากพอร์ตลูกค้าโครงการที่สุขุมวิท 31 บวกกับโครงการเลอ รัฟฟิเน่ สุขุมวิท 24 หลังศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม คอนโดฯหรูโครงการแรกที่พัฒนาขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจปี"40 ที่มีอยู่ร่วม 30 ราย ประเมินว่าจะทำรายได้ให้กับบริษัทไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อเดือน หรือเฉลี่ยห้องละ 7,000 บาทต่อเดือน กับกลยุทธ์การตลาดของดีเวลอปเปอร์รายนี้ ดูเหมือนจะมุ่งไปที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติชัดเจน โดยเดินสายโรดโชว์มาแล้วทั้งประเทศดูไบ สิงคโปร์ ตามโปรแกรมในวันที่ 2-5 ตุลาคม 2548 นี้ ก็จะไปโรดโชว์ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และต่อด้วยฮ่องกงในวันที่ 8-9 ตุลาคมนี้ จากนั้นในเดือนถัดมาจะเป็นคิวของเมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปโรดโชว์บ่อยๆ เบ็ดเสร็จต่อครั้งก็ใช้เงินร่วม 5 แสนบาท น่าสนใจว่ามีนักลงทุนต่างชาติตามจีบชักชวนร่วมลงทุนหรือไม่ คำถามนี้เขาหยุดยิ้มก่อนตอบว่า "ก็มีครับ... แต่เรื่องนี้ต้องรอบคอบ ไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว แนวคิดทำโครงการก็ต้องตรงกัน" ที่สำคัญ "เลอ รัฟฟิเน่" จะยึดโซนสุขุมวิทขึ้นคอนโดฯต่อไป เน้น "อโศก-ทองหล่อ" ถัดจากนี้ก็ไม่น่าสนใจเท่าไร
|